ญี่ปุ่นคุมเข้มคริปโต! ออกกฎหมายใหม่ปกป้องนักลงทุน หลังเหตุแฮ็กบิตคอยน์ 350 ล้านดอลลาร์

ญี่ปุ่นเดินหน้าคุมเข้มสินทรัพย์ดิจิทัล หลังรัฐสภาผ่านกฎหมายชำระเงินฉบับแก้ไข เพื่อเพิ่มการคุ้มครองนักลงทุนในประเทศ โดยมีเป้าหมายจำกัดความเสี่ยงจากการล้มละลายของแพลตฟอร์มคริปโตต่างชาติ

ตามกฎหมายใหม่ แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ดำเนินการในญี่ปุ่นจะต้องเก็บสินทรัพย์ของนักลงทุนไว้ภายในประเทศ เพื่อลดโอกาสสูญเสียสินทรัพย์ หากเกิดปัญหากับแพลตฟอร์มนอกประเทศ *เหตุผล* หลักที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ คือกรณีการถูกแฮ็กบิตคอยน์(BTC) มูลค่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4,065 พันล้านเยน ที่เกิดขึ้นกับหนึ่งในแพลตฟอร์มหลักเมื่อปี 2024

กฎหมายฉบับนี้ยังเพิ่มกลไกที่ช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถใช้สินทรัพย์ดิจิทัลภายในแอปเกมได้อย่างสะดวก ผ่านระบบกลางรองรับการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ใช้และแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ ผู้ให้บริการสเตเบิลคอยน์สามารถจัดสรรสินทรัพย์ที่ใช้หนุนหลังการออกเหรียญ ได้ไม่เกิน 50% ไปยังสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ ตามข้อกำหนดใหม่ของภาครัฐ

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญ คือการบังคับให้ทุกบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับคริปโตในประเทศ ต้องปฏิบัติตามระเบียบเกี่ยวกับการป้องกันการฟอกเงิน (AML) และการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (CFT) อย่างเคร่งครัด

กฎหมายดังกล่าวผ่านการรับรองจากสภาผู้แทนเมื่อเดือนพฤษภาคม และได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน โดยเตรียมนำมาบังคับใช้ภายในเวลา 1 ปีนับจากนี้ *ความคิดเห็น* รัฐบาลญี่ปุ่นมองว่ากฎหมายฉบับแก้ไขนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากแพลตฟอร์มต่างชาติ พร้อมทั้งส่งเสริมระบบนิเวศคริปโตในประเทศให้มีความปลอดภัยและสร้างสรรค์มากขึ้น