ราคาบิตคอยน์(BTC) ร่วงลงอย่างรุนแรงแตะระดับ 103,450 ดอลลาร์ หรือราว 139.4 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 จากแรงกดดันของแรงเทขายจำนวนมากและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น
หนึ่งในนาม ‘เจมส์ วิน’ นักลงทุนวาฬชื่อดังต้องปิดสถานะการลงทุนทั้งหมด หลังจากสถานะ Long มูลค่า 16.14 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.24 พันล้านบาท ถูกล้างพอร์ตโดยสมบูรณ์ ขณะเดียวกันบนแพลตฟอร์มบิทแมกซ์ (BitMEX) มีรายงานการล้างพอร์ตขนาดใหญ่ถึง 10 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.39 พันล้านบาทในสัญญา XBTUSD
สาเหตุหลักของการปรับตัวลดลงในครั้งนี้มาจากคำสั่งฝ่ายบริหารที่ *ทรัมป์* ประธานาธิบดีสหรัฐ ลงนามซึ่งระบุให้เพิ่มภาษีนำเข้าของเหล็กและอะลูมิเนียมขึ้น 50% เพื่อกระตุ้นการผลิตภายในประเทศ นอกจากนี้ความขัดแย้งด้านการค้าระหว่าง *สหรัฐกับจีน* กลับมารุนแรงขึ้นอีกครั้ง ส่งผลต่อความไม่แน่นอนในตลาดและบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ความตึงเครียดดังกล่าวทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อทรัมป์มีปัญหากับ *อีลอน มัสก์(Elon Musk)* ซึ่งฝ่ายหลังออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับการยกเลิกเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าและหนี้สาธารณะของสหรัฐ สถานการณ์นี้ยิ่งซ้ำเติมความกังวลของตลาด
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 6 ความหวังกลับมาอีกครั้งเมื่อมีรายงานว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ฟื้นตัวขึ้น 3% แตะระดับ 103,976 ดอลลาร์ หรือราว 144.5 ล้านบาท จากมุมมองทางเทคนิค การร่วงลงครั้งนี้ก่อให้เกิดการเก็บสะสมสภาพคล่องจากการโดนล้างพอร์ตจำพวก *สต๊อปลอส* ซึ่งอาจนำไปสู่ *โมเมนตัมขาขึ้น* ในระยะถัดไป
*ความคิดเห็น* ของผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หากแนวโน้มขาลงยังคงดำเนินต่อไป ราคาบิตคอยน์อาจดิ่งลงไปที่ระดับ 92,917 ดอลลาร์ หรือประมาณ 129.1 ล้านบาทภายในสิ้นเดือนมิถุนายน แต่ถ้าสามารถพลิกฟื้นได้อย่างแข็งแกร่ง การทะลุระดับ 130,000 ดอลลาร์ หรือราว 187 ล้านบาท ก็อาจเป็นไปได้
ความคิดเห็น 0