แม้ราคาอีเธอเรียม(ETH) จะปรับตัวลดลงในช่วงสั้น โดยลดลง 26.75% ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา และอีก 1.82% ในวันเดียวกัน แต่ข้อมูลจากสถาบันและบนเครือข่าย(ออนเชน)กลับบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ของการ ‘ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง’
หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ *การไหลเข้าของเงินลงทุนในกองทุน ETF ของอีเธอเรียม* อย่างต่อเนื่อง โดยอ้างอิงจาก CoinGlass ระบุว่า กองทุน ETH ETF มีการ *ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 15* ในวันที่ 3 มิถุนายน เพียงวันเดียว เงินทุนที่ไหลเข้ารวมกว่า 109.55 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 1,522 พันล้านวอน) ถือเป็นระดับสูงสุดของเดือน โดย *แบล็คร็อกและฟิเดลิตี้* นำทีมเข้าซื้อ ด้วยมูลค่า 48.96 ล้านดอลลาร์ และ 17.89 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ ขณะที่ *เกรย์สเกล* ก็มีเงินไหลเข้าอีก 6.39 ล้านดอลลาร์
อีกหนึ่งสัญญาณคือ *การเข้าร่วมของสถาบันในการถือครอง ETH* ล่าสุด *ชาร์ปลิงค์ เกมมิ่ง* แพลตฟอร์มพนันกีฬา ได้ร่วมมือกับ *คอนเซนซิส* ระดมทุนแบบปิดวงเงินกว่า 425 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำ ETH เข้ามาในกลยุทธ์บริหารการเงิน กรณีนี้ถูกเปรียบเทียบกับ *ไมโครสแตรทิจี้* ที่ใช้บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์หลักในการลงทุนระยะยาว
ขณะที่ตลาดยังเฝ้าจับตาความเป็นไปได้ว่า ETF ของ ETH อาจจะ *อนุญาตให้มีการสเตกกิง* ในอนาคต หากผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล อาจนำมาซึ่งกระแสเงินทุนเพิ่มเติมสู่ตลาด ซึ่งจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการดันราคากลับขึ้น นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่านี่อาจกลายเป็น *ชนวนสร้างแรงซื้อ* ครั้งใหญ่ในระยะกลางถึงยาว
ในอีกมุมหนึ่ง ความผันผวนของราคายังผลักดันให้นักลงทุนจำนวนมากหันไป *ถือสถานะขาย(short position)* โดยคาดการณ์ว่าหากมีการกลับตัวของราคา อาจนำไปสู่ *ชอร์ตสกวีซ(Short Squeeze)* และเปิดทางให้กราฟราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง นอกจากนี้ *กิจกรรมบนเครือข่ายของอีเธอเรียมยังมีทิศทางขาขึ้น* โดยจำนวนกระเป๋าใช้งานต่อสัปดาห์อยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้น
อีกหนึ่งสัญญาณสำคัญคือ *การลดลงของ ETH บนกระดานเทรด* โดยในช่วงเดือนที่ผ่านมา พบการไหลออกจากแพลตฟอร์มหลักหลายราย เช่น บิตไฟเนกซ์ 572,946 ETH, โคอินเบส โปร 2,149 ETH, OKX 13,627 ETH, คราเคน 6,428 ETH และบิทThumb อีก 19,572 ETH เมื่อรวมทั้งระบบแล้ว พบว่า ETH หายไปจากกระดานเทรดมากกว่า *261,000 ETH*
นอกจากนี้ ตัวเลข *การสเตกกิง ETH ได้พุ่งแตะระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์* ปัจจุบันมี ETH ที่ถูกนำไปสเตกแล้วมากกว่า 34.6 ล้านเหรียญ ซึ่งเทียบเท่ากับการลดปริมาณเหรียญที่สามารถซื้อขายในตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญ
สุดท้าย โครงสร้างพื้นฐานอย่าง *เลเยอร์2* โดยเฉพาะ *เบส(Base)* ก็กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นว่าไม่เพียงแค่การลงทุนเท่านั้น แต่ *การใช้งานจริงในระบบนิเวศของอีเธอเรียมก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน*
ภายใต้ภาพรวมที่ผันผวนในระยะสั้น ข้อมูลจาก ETF, สถาบันการเงิน, ออนเชน, การสเตกกิง และโครงสร้างทางเทคนิค กลับชี้ว่าการฟื้นตัวกำลังก่อตัวขึ้น *ความคิดเห็น* หากกระแสเชิงบวกยังดำเนินต่อไป อีเธอเรียม(ETH) อาจกลับมาโดดเด่นอีกครั้งในสายตาของนักลงทุนระยะกลางถึงยาว
ความคิดเห็น 0