คริปโตเผชิญสัปดาห์แห่งความผันผวน: กฎหมายใหม่ CPI ภาษีนำเข้า เขย่าตลาดสหรัฐฯ

ตลาดคริปโตในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับปัจจัยลบหลายประการที่อาจกระทบต่อทิศทางราคาทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง โดยเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI), การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าโดยประธานาธิบดีทรัมป์ และการพิจารณาร่างกฎหมายเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในสภาคองเกรส ล้วนเป็นปัจจัยที่อาจสร้างความผันผวนให้กับบิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH) และเหรียญทางเลือก (Altcoins) ได้ตลอดสัปดาห์นี้

‘สัปดาห์คริปโต’ ที่เริ่มต้นในสัปดาห์ที่สองของเดือนกรกฎาคม ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เนื่องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ เตรียมพิจารณาร่างกฎหมาย 3 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ ร่างกฎหมายควบคุมสเตเบิลคอยน์ (GENIUS Act), ร่างกฎหมายจัดประเภทเหรียญโทเคน (CLARITY Act) และร่างกฎหมายควบคุมสกุลเงินดิจิทัลจากธนาคารกลาง (CBDC Restriction Act) ฝ่ายรีพับลิกันแสดงความหวังว่าร่างกฎหมายเหล่านี้จะช่วยสร้าง ‘ความชัดเจน’ ให้กับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ แม็กซีน วอเตอร์ส ส.ส.จากพรรคเดโมแครตกลับมองว่าเป็นนโยบาย “เอื้อนายทุนที่สนับสนุนทรัมป์” และเรียกการอภิปรายชุดนี้ว่าเป็น “สัปดาห์ต่อต้านคริปโตที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน”

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศเมื่อวันที่ 12 โดยไม่คาดคิด ว่าจะเรียกเก็บ ‘ภาษีนำเข้าทุกประเภท’ จากสหภาพยุโรปและเม็กซิโกในอัตราสูงถึง 30% โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับปัญหาการลักลอบขนยาเสพติดจากเม็กซิโกและความไม่สมดุลทางการค้ากับยุโรป เขายังระบุว่าบริษัทที่ย้ายฐานการผลิตกลับมายังสหรัฐฯ อาจได้รับข้อยกเว้นด้านภาษี ซึ่งคำแถลงนี้ได้จุดชนวนให้เกิดความไม่พอใจจากทั้งผู้นำสหภาพยุโรปและประธานาธิบดีเม็กซิโก

ตลาดการเงินก็ตอบสนองต่อเหตุการณ์เหล่านี้ด้วยความระแวง ดัชนี S&P 500 ที่เพิ่มขึ้น 4.87% ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนมาปิดที่ 6,259.74 จุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจเผชิญแรงเทขายเมื่อเปิดตลาดอีกครั้งในวันที่ 14 โดยเฉพาะจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีนำเข้าที่อาจส่งต่อมายังตลาดคริปโต ทั้งนี้ มักพบการเคลื่อนไหวที่สัมพันธ์กันระหว่างตลาดหุ้นและสินทรัพย์ดิจิทัล

ตัวเลขเศรษฐกิจที่กำลังจะประกาศออกมาในช่วงกลางสัปดาห์ยังเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่นักลงทุนต้องจับตามอง ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ที่จะประกาศในวันที่ 15 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 321.465 จุดในเดือนพฤษภาคม มาอยู่ราว 322 จุด หากตัวเลขออกมาสูงกว่าคาดการณ์ อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่หากต่ำกว่าคาด อาจจุดชนวนให้เกิดกระแสการเข้าลงทุนใน ‘สินทรัพย์เสี่ยง’ อย่างคริปโตเพิ่มขึ้น

ถัดมาในวันที่ 16 ดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) จะมีการเปิดเผย โดยมีการคาดการณ์ว่าอาจเพิ่มขึ้นจากระดับ 148.072 จุดในเดือนพฤษภาคม เป็น 148.9 จุด ซึ่งเป็นสัญญาณของเงินเฟ้อด้านอุปทาน ส่วนในวันที่ 17 สหรัฐฯ จะเปิดเผยยอดค้าปลีกประจำเดือนมิถุนายน โดยประเมินว่าจะไม่มีการเติบโตจากเดือนก่อนหน้า (0%) ซึ่ง สะท้อนถึงการชะลอตัวของการใช้จ่ายภาคผู้บริโภค และอาจเพิ่มแรงกดดันให้เฟดหันกลับมาทำนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

ตัวชี้วัดความเชื่อมั่นจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่จะประกาศในวันที่ 18 จะเป็นภาพสะท้อนภาวะจิตวิทยาเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยหากผลออกมาต่ำเกินคาด ก็มีโอกาสกระตุ้นให้ภาคตลาดหันกลับมาให้ความสนใจใน ‘คริปโต’ และสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ อีกครั้ง

โดยสรุปแล้ว สัปดาห์นี้อาจกลายเป็นหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญที่แรงเสียดทานทางเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ ปะทะโดยตรงกับตลาดคริปโต นักลงทุนจึงควรจับตาทุกปัจจัยอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การออกกฎหมาย ไปจนถึงเงินเฟ้อและการบริโภค เพื่อปรับกลยุทธ์รับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งสัปดาห์นี้