ตลาดดาร์กเว็บชื่อดังของฝั่งตะวันตก ‘อาบาคัสมาร์เก็ต(Abacus Market)’ ซึ่งรองรับการซื้อขายด้วย *บิตคอยน์(BTC)* และ *โมเนโร(XMR)* ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลังดำเนินงานมากว่า 4 ปี กลายเป็นประเด็นร้อนในแวดวงคริปโตและความมั่นคงทางไซเบอร์ โดยหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นกรณี *เอ็กซิทสแกม (exit scam)* ขนาดใหญ่
ตามการเปิดเผยของ TRM Labs เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อาบาคัสได้ปิดให้บริการทั้งหมดอย่างกะทันหัน พร้อมลบโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายปกติ (Clearnet Mirror) โดยไม่มีการประกาศล่วงหน้า สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ใช้งานจำนวนมาก
อาบาคัสเริ่มต้นในปี 2021 ภายใต้ชื่อ ‘อัลฟาเบตมาร์เก็ต’ ก่อนจะรีแบรนด์และเติบโตอย่างรวดเร็ว กลายเป็นตลาดที่หาได้ยากในดาร์กเว็บที่รองรับทั้ง *บิตคอยน์* และ *โมเนโร* พร้อมระบบกระเป๋าเงินรวมศูนย์และการทำธุรกรรมแบบมัลติซิก (Multisig) ที่เสริมสร้างความเชื่อมั่น โดยมีเป้าหมายตลาดหลักคือผู้ใช้จากออสเตรเลีย
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ผู้ใช้งานเริ่มร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาการถอนเงินล่าช้า ซึ่งแอดมินที่ใช้ชื่อว่า ‘วิโต(Vito)’ ให้เหตุผลว่าได้รับผลกระทบจากผู้ใช้ใหม่จำนวนมากที่ย้ายมาจากตลาดดาร์กเว็บ ‘Archetype Market’ ที่ถูกปิดโดยเจ้าหน้าที่ รวมถึงการโจมตีแบบ DDoS ที่ทำให้ระบบล่าช้า แต่หลายคนไม่เชื่อคำอธิบายนี้
ข้อมูลของ TRM Labs ชี้ว่า ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน จำนวนธุรกรรมเงินฝากเฉลี่ยต่อวันลดลงจาก 1,400 รายการ เหลือเพียง 100 รายการภายในต้นเดือนกรกฎาคม ในขณะที่วงเงินฝากเฉลี่ยต่อวันลดฮวบจาก 230,000 ดอลลาร์สหรัฐ เหลือเพียง 13,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความไม่ปกติอย่างชัดเจน
TRM Labs ระบุว่านี่เป็นสัญญาณเตือนของ *เอ็กซิทสแกม* แบบคลาสสิก โดยตลอดอายุการให้บริการ อาบาคัสมีมูลค่าธุรกรรมสะสมกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2024 เพียงปีเดียว แพลตฟอร์มนี้เคยครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 70% แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ก่อนการล่มสลาย
ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า ตลาดขนาดใหญ่ในดาร์กเว็บมักเลือก 'ปิดตัวเอง' อย่างไม่เป็นทางการเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนจับกุม โดยโฟกัสที่การเก็บเงินออกให้ได้มากที่สุดก่อนหายตัว ซึ่งสอดคล้องกับความคิดเห็นของ 'ฮักบันเตอร์(Hugbunter)' ผู้ดูแลฟอรั่ม 'Dread' ที่เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นการปิดเพราะถูกยึดโดยหน่วยงานรัฐ แต่เป็นแผนจบเกมที่ผู้ดูแลวางไว้ล่วงหน้า ตัวอย่างในอดีตอย่าง ‘Evolution’ และ ‘Agora’ ก็เคยล่มโดยไม่ทิ้งร่องรอยเช่นกัน
ด้าน TRM Labs ยังเปิดเผยว่า ในขณะที่ตลาดของฝั่งตะวันตกล่มสลายต่อเนื่อง ตลาดดาร์กเว็บของรัสเซียกลับเติบโตต่อเนื่องหลังการปิดตัวของ *ฮิดรามาร์เก็ต(Hydra)* ในปี 2022 โดยในปี 2024 ตลาดภาษารัสเซียกลุ่มนี้ครองส่วนแบ่งกว่า 97% ของยอดขายยาเสพติดในดาร์กเว็บทั่วโลก ซึ่งสะท้อนถึงการขยายตัวแบบไร้พรมแดนและกำกับควบคุมยากของตลาดเถื่อนบนออนไลน์
การหายตัวอย่างไร้สัญญาณของ *อาบาคัสมาร์เก็ต* เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาว่าตลาดคริปโตและดาร์กเว็บยังคง ‘เปราะบาง’ และเต็มไปด้วย ‘ความเสี่ยง’ โดยเฉพาะในระบบที่พึ่งพา *ความเป็นนิรนามของคริปโตเคอร์เรนซี* ประกอบกับ ‘ช่องว่างในกฎหมายระหว่างประเทศ’ ที่ยังไม่สามารถรับมือกับภัยไซเบอร์รูปแบบใหม่นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความคิดเห็น 0