พาย(Pi) ราคาพุ่ง 1,773% หลังเปิดตัว แต่การจดทะเบียนในไบแนนซ์(Binance) ยังไม่แน่นอน

เครือข่ายพาย(Pi Network) กลายเป็นหนึ่งในโครงการคริปโตที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วหลังเปิดตัว แต่แม้จะมีแรงสนับสนุนจากตลาดอย่างชัดเจน โอกาสในการเข้าจดทะเบียนในไบแนนซ์(Binance) ซึ่งเป็นกระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องจับตา เนื่องจากมีอุปสรรคหลายด้านที่ส่งผลต่อการพิจารณา

ในช่วงสองสัปดาห์แรกหลังการเปิดตัวในช่วงต้นปี 2025 ราคาของพาย(Pi) พุ่งสูงถึง 1,773% แตะที่ประมาณ 2.99 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,151 บาท) ก่อนจะเผชิญแรงเทขายอย่างหนัก ลดลงเกือบ 67% ภายในสัปดาห์ที่เจ็ด และปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ระดับราว 0.45 ดอลลาร์ (ประมาณ 626 บาท) ซึ่งแม้จะปรับตัวลดลง แต่ราคานี้ยังคงสูงกว่าช่วงเปิดตัวถึง 354% ทั้งนี้ พายได้จดทะเบียนอยู่ในหลายกระดานเทรดคริปโตชั้นนำอย่าง OKX, Gate.io, MEXC, Bitget และ CoinDCX แล้วเป็นที่เรียบร้อย

อย่างไรก็ตาม การจดทะเบียนในไบแนนซ์ยังไม่มีความแน่นอน เมื่อเร็วๆ นี้ นักวิเคราะห์ชาติโปรตุเกสที่ใช้ชื่อว่า ‘Dr Altcoin’ โพสต์ทางแพลตฟอร์ม X (เดิมคือทวิตเตอร์) ชี้ว่า ‘เงื่อนไขพิเศษที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน’ และ ‘ความไม่ชัดเจนของข้อมูลสำคัญ’ คือสองปัจจัยหลักที่ทำให้ไบแนนซ์ยังกังวลต่อการขึ้นกระดาน โดยเฉพาะความต้องการจากทางเครือข่ายพายที่ให้กระดานเทรดต้องผ่านการยืนยันข้อมูลธุรกิจ (KYB) ซึ่งอาจถูกตีความว่าเป็น ‘การแทรกแซงเกินความจำเป็น’ ขณะเดียวกัน ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนโทเคนทั้งหมด โครงสร้างการจัดสรร และตารางเวลาการปลดล็อกโทเคน ก็ยังขาดความโปร่งใส — ซึ่งถือเป็น ‘ข้อมูลพื้นฐาน’ ที่ไบแนนซ์มักใช้พิจารณาอย่างเข้มงวด

แม้สถานะการจดทะเบียนจะยังไม่ชัดเจน แต่ในตลาดจริง ‘ความต้องการ’ ยังคงแข็งแกร่ง โดยพายมีปริมาณซื้อขายเฉลี่ยรายวันสูงกว่า 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.39 หมื่นล้านบาท) ขณะเดียวกัน ระบบนิเวศก็ขยายตัวเร็ว ตัวอย่างเช่นการเปิดตัวเมนเน็ตในเดือนกุมภาพันธ์ และการเปิดให้บริการ ‘พายแอปสตูดิโอ’ แพลตฟอร์มสร้างแอปแบบโน้ดโค้ดโดยใช้ AI ในเดือนมิถุนายน ซึ่งมีแอปที่ผู้ใช้สร้างขึ้นแล้วกว่า 21,000 แอป โดยในเดือนพฤษภาคม โครงการยังได้จัดตั้งกองทุน ‘Pi Ventures’ มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.39 หมื่นล้านบาท) เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพในระบบนิเวศพายอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ผู้ใช้งานยังคงเผชิญปัญหาด้านเทคนิค เช่น ความล่าช้าในการยืนยันตัวตน(KYC) ระบบสองขั้นตอน(2FA) ที่ผิดพลาด และยอดเงินกระเป๋าเงินที่แสดงไม่ถูกต้อง ซึ่งประเด็นเหล่านี้อาจกลายเป็น ‘ความเสี่ยงแฝง’ ที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของกระดานเทรดขนาดใหญ่เช่นไบแนนซ์

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การผลักดันให้ได้ขึ้นจดทะเบียนในไบแนนซ์ไม่ควรถูกมองเป็นเป้าหมายระยะสั้น แต่ควรเป็น ‘ยุทธศาสตร์ระยะกลางถึงยาว’ หากโครงการสามารถแสดงให้เห็นถึง ‘ความโปร่งใสในการให้ข้อมูล’ และ ‘ความแข็งแกร่งของระบบนิเวศ’ ได้อย่างต่อเนื่อง โอกาสในการนำพายเข้าสู่กระดานเทรดระดับโลกอย่างไบแนนซ์ในช่วงปี 2026 ถึง 2027 ก็มีความเป็นไปได้สูง ความคิดเห็น