งานประจำปี ‘Pi2Day’ ของ Pi เน็ตเวิร์ก(Pi Network) จัดขึ้นอีกครั้งระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน ถึง 7 กรกฎาคม โดยปีนี้ได้รับความสนใจล้นหลามจากผู้ใช้ทั่วโลก พร้อมทั้งเผยฟีเจอร์ใหม่ที่ได้รับการจับตามองอย่างมากจากชุมชนคริปโต โดยในกิจกรรมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมแข่งขัน Pi2Day Challenge กว่า 2.6 ล้านราย และในจำนวนนั้นมีมากกว่า 761,000 ราย ที่เข้าร่วมครบทุกภารกิจพร้อมได้รับ ‘เข็มผู้ใช้งานลิมิเต็ดอิดิชัน’
ทาง Pi เน็ตเวิร์กระบุว่า ความกระตือรือร้นในการทดสอบยูทิลิตี้ใหม่ ๆ นั้นสะท้อนถึงแรงสนับสนุนจากชุมชนระดับโลกที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานปีนี้คือ ‘สตูดิโอแอป Pi (Pi App Studio)’ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่เคยมีประสบการณ์การเขียนโค้ดสามารถสร้างสรรค์แอปพลิเคชันของตนเองได้โดยใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ช่วยสนับสนุน
หลังเปิดตัวไม่นาน แพลตฟอร์มดังกล่าวดึงดูดผู้ใช้งานกว่า 35,000 ราย ร่วมกันสร้างแชตบอทกว่า 7,600 ตัว และแอปที่ปรับแต่งเฉพาะกิจอีกมากถึง 14,000 แอป ตัวอย่างแอปที่ได้รับความนิยม ได้แก่ แชตบอทด้านดาราศาสตร์ หรือแอปส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพ อย่างไรก็ตาม บริษัทเตือนว่าแอปเหล่านี้ยังไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ และการใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ Pi อาจมีความเสี่ยง
อีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญคือ ‘การสเตกในระบบไดเรกทอรีอีโคซิสเต็ม (Ecosystem Directory Staking หรือ EDS)’ ซึ่งต่างจากการสเตกปกติ โดยผู้ใช้งานและองค์กรสามารถนำ Pi ไปวางเดิมพันกับแอปที่ตนเองต้องการสนับสนุนเพื่อดันอันดับให้แอปนั้นโดดเด่นขึ้นในระบบนิเวศ ฟีเจอร์นี้เพิ่งเปิดตัวไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่มีการสเตกแล้วกว่า 38 ล้าน Pi โดยในจำนวนนี้กว่า 25 ล้าน Pi ยังคงถูกล็อกอยู่ โดยมีผู้ร่วมใช้งานมากถึง 16,700 บัญชี
แม้ฟีเจอร์นี้ได้รับคำชมว่าเป็นกลไกส่งเสริมยูทิลิตี้ที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน แต่ในแง่ราคาของ Pi ยังไม่สะท้อนผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจ โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาลดลงกว่า 10% และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ตกลงถึง 19% ปิดที่ราว 0.45 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 627 บาท) ซึ่งเป็นแนวโน้มที่สวนทางกับการพุ่งสูงครั้งใหม่ของบิตคอยน์(BTC), ริปเปิล(XRP) และเหรียญหลักอื่น ๆ
กิจกรรม Pi2Day ยังคงรักษาบทบาทเป็นเวทีสำคัญในการเผยทิศทางของโปรเจกต์ รวมถึงการสร้างแรงขับเคลื่อนจากชุมชนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น สำหรับปีนี้ ฟีเจอร์ใหม่ และการมีส่วนร่วมของผู้ใช้นับว่าช่วยวางรากฐานสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนของ Pi เน็ตเวิร์กได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ความท้าทายในด้าน ‘การสะท้อนมูลค่าทางเศรษฐกิจของโทเคน Pi’ ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาต่อไป
ความคิดเห็น 0