ราคาของ *พายเน็ตเวิร์ก(Pi Network)* ร่วงลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ทำให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนหันมาเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวในอนาคตอย่างใกล้ชิด โดย *พายคอยน์(PI)* ดิ่งลงจากจุดสูงสุดเมื่อสัปดาห์ก่อนถึงราว 20% มาแตะระดับ *0.532 ดอลลาร์* (ประมาณ 740 บาท) และหากเทียบกับจุดสูงสุดในเดือนพฤษภาคม ราคาลดลงถึง 56% ขณะเดียวกัน มูลค่าตลาดรวมลดต่ำลงมาอยู่ที่ *ไม่ถึง 4 พันล้านดอลลาร์* (ประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท) ทั้งที่เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ซึ่งเป็นวัน ‘*Pi Day 2*’ โครงการได้ประกาศความคืบหน้าทางเทคนิคหลายด้าน
ทีม *พายคอร์(Pi Core)* ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ เช่น *โครงการ AI*, ระบบ *Pi App Studio* ที่ได้รับการปรับปรุง และฟังก์ชัน ‘*การสเตกไดเรกทอรีในระบบนิเวศ*’ เพื่อโปรโมตแอปพลิเคชัน รวมถึงการรวมระบบกับ *Onramper*, การอัปเกรดความปลอดภัยของ *กระเป๋าเงิน Pi* และ *ซอฟต์แวร์ Node* อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ยังไม่สามารถพลิกสถานการณ์ราคาให้ดีขึ้นได้ สาเหตุใหญ่ที่สุดคือ *ยังไม่มีสัญญาณการขึ้นตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำ* ประกอบกับ *ข้อกังวลเรื่องความเป็นศูนย์กลางของโปรเจกต์* และ *แรงกดดันจากการปลดล็อกเหรียญจำนวนมหาศาล* ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม คาดว่าจะมี *เหรียญ PI เข้าสู่ตลาดกว่า 276 ล้านเหรียญ* หรือประมาณ *3.7% ของอุปทานหมุนเวียน* ซึ่งคิดเป็นแรงขายกว่า *215 ล้านดอลลาร์* (ประมาณ 2,989 ล้านบาท) โดยกรณีปลดล็อกเหรียญในอดีตแสดงให้เห็นว่า ราคาของโทเคนมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างน้อย 30% และอาจถึง 77% ถือเป็นความเสี่ยงที่สร้างความไม่สบายใจให้ผู้ถือครองในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นการพูดถึงในเชิงเตือนภัยต่อผู้ถือ *พายคอยน์* บนโซเชียลมีเดียอย่าง *X (Twitter)* เพิ่มมากขึ้น
ภาวะปัจจุบันของ *พายเน็ตเวิร์ก* ถือว่ายังขาดแรงผลักดันที่เป็นรูปธรรม ทั้งในแง่การ *ขึ้นตลาดใหญ่*, *พันธมิตรเชิงกลยุทธ์* กับสถาบันธุรกิจ รวมไปถึง *เงินลงทุนใหม่* ส่งผลให้ตลาดส่วนใหญ่เชื่อว่า ก่อนถึง ‘*Pi Year-End Summary Day*’ ในวันที่ 28 ธันวาคมนี้ จะยังไม่มีปัจจัยใดที่ช่วยกระตุ้นราคาขึ้นได้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ยังมีมุมมองในเชิงบวกจากบางสื่อ โดย *CoinDCX* หนึ่งในตลาดซื้อขายคริปโตรายใหญ่ของอินเดีย ประเมินว่า *พายคอยน์* อาจเริ่มต้นที่ราคาราว *1.20 ดอลลาร์* (ประมาณ 1,668 บาท) ในเดือนกรกฎาคม และมีโอกาสไต่ขึ้นถึง *2.80 ดอลลาร์* (ประมาณ 3,892 บาท) ภายในสิ้นปีนี้ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีการพักฐานช่วงเดือนกันยายนก่อนการฟื้นตัวรอบใหม่
ในระยะสั้น มีแนวโน้มที่ *พายคอยน์* อาจพยายามฟื้นตัวอีกครั้ง โดยจากจุดต่ำสุดในช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ *0.42 ดอลลาร์* (ประมาณ 584 บาท) ราคาได้รีบาวด์ขึ้นไปแตะ *0.66 ดอลลาร์* (ประมาณ 917 บาท) ก่อนจะลดต่ำลงอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ *แนวรับที่ 0.52 ดอลลาร์* (ประมาณ 724 บาท) กำลังทดสอบซ้ำหลายรอบ ด้านเทคนิคชี้ว่าราคาทะลุแนวต้านจากเทรนด์ขาลงเดิมแล้ว และกำลังยืนยันแนวโน้มใหม่ ซึ่งในกรณีนี้หากเกิดแรงซื้อราคามีโอกาส *พุ่งแตะ 1 ดอลลาร์* (ประมาณ 1,390 บาท)
แม้มีโอกาสบวกในบางกรณี แต่สุดท้าย *ความเป็นไปได้ที่ PI จะทะยานถึง 10 ดอลลาร์* (ประมาณ 13,900 บาท) ภายในสิ้นปีนั้น จะต้องมีปัจจัยร่วมหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการ *ฟื้นตัวของความเชื่อมั่นจากนักลงทุน*, *ความชัดเจนด้านกฎระเบียบ*, และที่สำคัญคือ *การนำโทเคนขึ้นจดทะเบียนซื้อขายบนตลาดสกุลเงินดิจิทัลรายใหญ่* ซึ่งจนกว่าประเด็นเหล่านี้จะเกิดขึ้นจริง นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการตัดสินใจ
ความคิดเห็น 0