บิตคอยน์(BTC) จาก 6 ดอลลาร์สู่ 1,650 ล้านบาทใน 15 ปี—ตำนานนักขุดเหรียญปี 2010 สะท้อนพลังคริปโต

บิตคอยน์(BTC) ได้พุ่งขึ้นถึง 198,333,000% ตลอดช่วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้ที่ลงทุนตั้งแต่ช่วงแรกบางส่วนได้รับผลตอบแทนในระดับที่เปลี่ยนชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้ใช้แพลตฟอร์ม X (ชื่อเดิมคือ ทวิตเตอร์) รายหนึ่งชื่อ @crypto_rand ได้กล่าวถึงกรณีของผู้ใช้งานที่ขุดบิตคอยน์จำนวน 100 เหรียญเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2010 ซึ่งในปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 11.9 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,650 ล้านบาทเลยทีเดียว

เจ้าของเรื่องราวนี้คือ คริสเชียน วอล์กเกอร์ (Christian Walker) ที่เผยผ่านบัญชี X ของเขา (@javashaman) ว่าเขาได้ขุดบิตคอยน์จำนวนดังกล่าวไว้ ก่อนจะโพสต์ข้อความถามว่า “ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนรวยแล้วใช่ไหม?” ในช่วงเวลานั้น ราคาบิตคอยน์อยู่ที่ราว 0.06 ดอลลาร์ต่อเหรียญ และการถือ 100 เหรียญใช้เงินเพียง 6 ดอลลาร์ หรือประมาณ 8,000 บาทเท่านั้น สำหรับยุคนั้น บิตคอยน์ยังถือเป็น ‘เงินทดลอง’ ที่มีผู้ใช้อย่างจำกัด แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นหนึ่งใน ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ ที่เขย่าวงการการเงินโลก

อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า คริสเชียน วอล์กเกอร์ ยังคงถือครองบิตคอยน์ชุดนั้นอยู่หรือไม่ เนื่องจากบัญชีโซเชียลมีเดียของเขาแทบไม่มีการเคลื่อนไหว และทวีตที่ว่าก็ถูกลบไปแล้ว ทวีตล่าสุดของเขาถูกโพสต์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 และส่วนใหญ่เป็นโพสต์ย้อนหลังไปถึงช่วงปี 2010-2013 แม้จะมีข้อมูลยืนยันตัวตนในระดับหนึ่ง แต่การถือครองเหรียญในปัจจุบันยังไม่สามารถตรวจสอบแน่ชัด

ที่น่าสนใจคือ กรณีนี้สะท้อนถึงประวัติศาสตร์ของบิตคอยน์ที่นับย้อนกลับไปถึงผู้สร้างอย่าง ซาโตชิ นากาโมโตะ(Satoshi Nakamoto) ที่หายตัวไปจากโลกออนไลน์หลังจากปี 2010 โดยทิ้งข้อความสุดท้ายไว้ในฟอรั่ม ‘BitcoinTalk’ ว่าเขาจะย้ายไปทำโปรเจกต์อื่น ก่อนจะกลายเป็นบุคคลปริศนาที่ยังไม่อาจระบุตัวตนได้จนถึงวันนี้

การที่บิตคอยน์ 100 เหรียญจากเมื่อ 15 ปีก่อนพุ่งขึ้นมามีมูลค่ากว่า 1,650 ล้านบาทในปีนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขเท่านั้น แต่เป็น ‘สัญลักษณ์เชิงประวัติศาสตร์’ ที่แสดงถึง ‘การเปลี่ยนผ่านยุคสมัยของคริปโตเคอร์เรนซี’ อีกด้วย ความสำเร็จนี้ชี้ให้เห็นว่า บิตคอยน์ไม่ใช่แค่โครงการทดลองอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็น ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ ที่มีอิทธิพลอย่างแท้จริงในระบบการเงินโลกในปัจจุบัน ความคิดเห็น: นี่คือหลักฐานที่แข็งแกร่งที่สุดชุดหนึ่งที่ยืนยันว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนไม่ได้เป็นเพียงแฟชั่นชั่วคราว แต่เป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการทางการเงินระดับโลก