แนวโน้มราคาของบิตคอยน์(BTC)อาจอยู่ในช่วงขาลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ตามการวิเคราะห์เชิงเทคนิคล่าสุดที่ชี้ว่าราคาสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่อาจร่วงต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.39 ล้านบาท) โดยมีโอกาสที่ราคาจะปรับฐานลงถึงระดับ 95,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.32 ล้านบาท) ตามทฤษฎีวิเคราะห์ทางเทคนิค *Wyckoff*
ข้อมูลนี้อ้างอิงจากกราฟที่แชร์โดยนักวิเคราะห์คริปโต ZAYK Charts เมื่อวันอังคาร โดยระบุว่าระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน บิตคอยน์อยู่ในช่วง ‘สะสม’ (accumulation) อย่างแข็งแกร่ง และฟื้นตัวได้ดี อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเริ่มเข้าสู่ระยะ ‘กระจาย’ (distribution) ซึ่งมักเกิดขึ้นก่อนที่กราฟจะพลิกเป็นขาลง โดยเฉพาะเมื่อราคาขยับในกรอบแคบหรือทรงตัวโดยไม่มีแรงซื้อใหม่เข้ามา
ZAYK Charts ยังให้ความเห็นว่า บิตคอยน์เคยแสดงสัญญาณ ‘Divergence’ เชิงบวกจากดัชนี Relative Strength Index (RSI) ในช่วงก่อนหน้า แต่อาการล่าสุดบ่งชี้ว่า RSI เริ่มอ่อนแรงพร้อมปรากฏสัญญาณของ *distribution* มากขึ้น “หากแนวโน้มนี้ได้รับการยืนยัน การเข้าสู่ช่วง ‘มาร์กดาวน์’ (Mark-down) จะเป็นไปได้มากขึ้น ซึ่งอาจกดดันให้ราคาถอยลงมาถึงระดับ 95,000 ดอลลาร์” เขาอธิบาย
นอกเหนือจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค ปัจจัยสำคัญอีกประการที่มองข้ามไม่ได้ก็คือช่องว่างของราคาฟิวเจอร์สในตลาดซื้อขายล่วงหน้า CME ปัจจุบันมี *ช่องว่างราคา (gap)* ที่ยังไม่ถูกปิดในระดับ 117,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.63 ล้านบาท) ซึ่งถูกมองว่าอาจเป็นแรงดึงราคาที่มีนัยสำคัญในตลาด อย่างไรก็ตาม ทิศทางของการปิดช่องว่างนี้ยังไม่ชัดเจน อาจนำไปสู่ทั้งการพุ่งขึ้นหรือร่วงลงเพิ่มเติมก็เป็นได้
ในระยะสั้น จุดต้านที่ระดับ 122,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.70 ล้านบาท) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่นักวิเคราะห์ให้ความสนใจ โดยคาดว่าหากไม่สามารถทะลุผ่านระดับต้านนี้ได้ การรีบาวด์ก็อาจถูกจำกัดอยู่ในกรอบแคบ ทั้งนี้ ‘การรักษาระดับแนวรับที่ 100,000 ดอลลาร์’ จะเป็นสิ่งที่นักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิดในช่วงสัปดาห์นี้
"ความคิดเห็น" จากผู้เชี่ยวชาญคาดว่าบิตคอยน์จะต้องมีแรงซื้อใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่องควบคู่กับสัญญาณกลับทิศของตัวชี้วัดต่างๆ เพื่อกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น หากช่วง *distribution* ยังคงยืดเยื้อ แรงขายอาจเพิ่มขึ้นจนทำให้แนวรับสำคัญถูกเจาะ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
ความคิดเห็น 0