ตลาด *สเตเบิลคอยน์* กำลังร้อนแรงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยมีเงินทุนไหลเข้ากว่า 105 ล้านล้านวอน จุดกระแสขาขึ้นรอบใหม่ในโลกคริปโต มูลค่าตลาดของเทเธอร์(USDT) และ USDคอยน์(USDC) เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ส่งสัญญาณว่าตลาดสกุลเงินดิจิทัลอาจกำลังเข้าสู่ช่วงเติบโตอีกระลอก
จากรายงานของบริษัทวิจัยเมทริกซ์พอร์ท ระบุว่า หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์คว้าชัยในการเลือกตั้ง เทเธอร์มีมูลค่าตลาดเพิ่มจาก 120,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 167 ล้านล้านวอน) เป็น 165,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 229 ล้านล้านวอน) ขณะเดียวกัน USDคอยน์ก็เติบโตจาก 34,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 47 ล้านล้านวอน) เป็น 65,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 90 ล้านล้านวอน) รวมยอดเงินทุนที่ไหลเข้าผ่านทั้งสองเหรียญสูงถึง 76,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว *105 ล้านล้านวอน*
ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนกระแสนี้ ส่วนหนึ่งมาจาก *ความชัดเจนด้านกฎระเบียบ* โดยเฉพาะการผ่านกฎหมาย ‘GENIUS’ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ซึ่งเป็นกฎหมายควบคุมสกุลเงินดิจิทัลฉบับแรกที่ผ่านสภาสหรัฐและได้รับการลงนามโดยประธานาธิบดีทรัมป์ กฎหมายดังกล่าวช่วยวางกรอบชัดเจนให้กับเหรียญสเตเบิลคอยน์ที่อิงกับดอลลาร์สหรัฐ เปิดทางให้สถาบันการเงินรายใหญ่ในประเทศสามารถเข้าร่วมตลาดนี้ได้อย่างเป็นทางการ โดยมีรายงานว่า ขณะนี้สถาบันการเงินหลายแห่งในสหรัฐกำลังเตรียมออกเหรียญของตนเอง
กลยุทธ์ของผู้ออกเหรียญก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเร่งการเติบโตในช่วงนี้ โดยเฉพาะ USDC ซึ่งออกโดยบริษัทเซอร์เคิล ที่ได้ระดมทุนถึง 1,200 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.66 ล้านล้านวอน) จากการนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังการเข้าตลาด มูลค่าบริษัทและราคาหุ้นพุ่งขึ้นฉับพลัน ในรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 เซอร์เคิลเปิดเผยว่ารายได้และผลตอบแทนจากเงินสำรองเพิ่มขึ้น 53% จากปีก่อนหน้า รวมเป็น 658 ล้านดอลลาร์ (ราว 9.15 ล้านล้านวอน) ราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่า *5 เท่าจากราคา IPO* ไปแตะระดับ 163 ดอลลาร์ (ประมาณ 22.6 หมื่นวอน)
ด้านเซอร์เคิลยังมีแผนจะเปิดตัวบล็อกเชนเลเยอร์ 1 ชื่อว่า *อาร์ค(Arc)* ภายในปีนี้ เพื่อขยายบทบาทของเหรียญ USDC ในแง่การชำระเงิน ตลาดทุน และการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ขณะที่เทเธอร์ยังคงยึดแนวทางไม่เข้าตลาดหุ้นและดำเนินธุรกิจในลักษณะเอกชนอิสระต่อไป
การหลั่งไหลของเงินทุนเข้าสู่ตลาดสเตเบิลคอยน์ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มสภาพคล่องชั่วคราวเท่านั้น แต่ยังถูกมองว่าเป็น *สัญญาณแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของตลาดการเงินสหรัฐ* โดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเชื่อว่ากระแสนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของวัฏจักรขาขึ้นครั้งใหม่ในวงการคริปโตอย่างเต็มตัว ความคิดเห็นในวงกว้างมองว่านี่อาจเป็น *จุดเปลี่ยนสำคัญ* ที่ยกระดับการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับนโยบายและสถาบันอย่างแท้จริง
ความคิดเห็น 0