ธนาคารสหรัฐผวา! สเตเบิลคอยน์ให้ดอกเบี้ยอาจเขย่าระบบการเงินดั้งเดิม

วงการธนาคารสหรัฐแสดงความกังวลต่อ ‘สเตเบิลคอยน์ที่ให้ผลตอบแทนดอกเบี้ย’ โดยชี้ว่าอาจเป็นภัยคุกคามต่อระบบการเงินแบบดั้งเดิม ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายมองว่า อาจเป็น ‘การตื่นตระหนกที่สายเกินไป’ เนื่องจากตลาดคริปโต โดยเฉพาะสเตเบิลคอยน์ ได้แทรกตัวเข้าสู่ระบบการเงินอย่างรวดเร็ว

เมื่อไม่นานมานี้ สถาบันนโยบายธนาคารอเมริกัน(BPI) ซึ่งเป็นองค์กรล็อบบี้ที่มีอิทธิพลในวอชิงตัน นำโดยเจมี ไดมอน(Jamie Dimon) ซีอีโอของเจพี มอร์แกน(JPM) ได้ส่งจดหมายถึงสภาคองเกรสสหรัฐ แสดงความกังวลว่า สเตเบิลคอยน์อาจ ‘ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ’ ต่อระบบตลาดสินเชื่อในปัจจุบัน โดยเฉพาะภายใต้กฎหมายใหม่ที่ชื่อว่า GENIUS ซึ่งเพิ่งมีผลบังคับใช้

จุดวิพากษ์สำคัญอยู่ที่ กฎหมาย GENIUS เปิดช่องให้ ‘สเตเบิลคอยน์สามารถให้ดอกเบี้ยกับผู้ถือครองได้’ ซึ่งอาจทำให้ประชาชนย้ายทรัพย์สินจากบัญชีเงินฝากในธนาคาร ไปยังสเตเบิลคอยน์ที่มีดอกเบี้ยแทน ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจคือ ความปั่นป่วนในแบบจำลองทางธุรกิจแบบดั้งเดิมของธนาคาร เช่น อัตรากำไรจากสินเชื่อ(Spread) ที่ลดลง จำนวนเงินที่ใช้ปล่อยกู้ทางธุรกิจลดลง และต้นทุนในการระดมทุนสูงขึ้น

ในฐานะตัวแทนของธนาคารรายใหญ่ BPI มีบทบาทสำคัญในการล็อบบี้และผลักดันนโยบายในระดับรัฐบาล การวิจารณ์กฎหมาย GENIUS จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการผลักดันให้เกิดการทบทวนกฎหมายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่น้อยมองว่าการเปลี่ยนแปลงอาจช้าเกินไป เมื่อพิจารณาจาก ‘การขยายตัวอย่างรวดเร็วของสินทรัพย์ดิจิทัล’ โดยเฉพาะในรูปแบบของสเตเบิลคอยน์

ความคิดเห็นจากฝั่งนักวิเคราะห์ชี้ว่า การเคลื่อนไหวนี้ของสถาบันธนาคารอาจมีผลต่อทิศทางการออกกฎควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐในระยะยาว โดยอาจรวมถึงความเปลี่ยนแปลงในจุดยืนของประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์ และโครงการเงินดอลลาร์ดิจิทัลจากภาครัฐ

ท้ายที่สุด เป็นเรื่องที่ต้องจับตาว่า การล็อบบี้ของธนาคารจะสามารถเปลี่ยนทิศทางนโยบายได้หรือไม่ หรือสเตเบิลคอยน์จะก้าวขึ้นมาเป็น ‘แกนกลางของโลกการเงินดิจิทัล’ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้