คดีฟ้องร้องระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ(SEC) กับบริษัท ริปเปิล(XRP) ที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 4 ปี สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 2 ของสหรัฐรับคำร้องยกเลิกการอุทธรณ์และการโต้แย้งจากทั้งสองฝ่าย
ตามรายงานเมื่อวันที่ 24 การยุติคดีในครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลัง SEC และริปเปิลได้ยื่นคำร้องร่วมกันเมื่อเดือนที่ผ่านมา เพื่อขอถอนการอุทธรณ์และการตอบโต้ในคดี จากเดิมที่ SEC คัดค้านคำตัดสินชั้นต้นซึ่งระบุว่า การขาย XRP แบบมีโปรแกรมไม่ถือเป็นหลักทรัพย์ แต่ต่อมา SEC ได้เปลี่ยนจุดยืนโดยถอนคำอุทธรณ์ ขณะที่ริปเปิลก็ถอนการโต้แย้ง และยอมยุติข้อพิพาทอย่างเป็นทางการ
กรณีนี้ช่วยลด ‘ความไม่แน่นอนทางกฎหมายในสหรัฐ’ สำหรับริปเปิลได้อย่างมาก โดยซีอีโอของบริษัท บราด การ์ลิงเฮาส์ เคยออกมาตำหนิการกระทำของ SEC ว่าเป็นภัยต่ออุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในวงกว้าง และผลลัพธ์ครั้งนี้อาจกลายเป็น ‘บรรทัดฐานที่สำคัญ’ สำหรับบริษัทด้านคริปโตในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาจากตลาดนั้นค่อนข้างจำกัด เนื่องจากข่าวดังกล่าวเป็นที่รู้กันดีอยู่ก่อนแล้ว ราคา XRP จึงปรับขึ้นเล็กน้อยราว 7% ภายใน 24 ชั่วโมง การเคลื่อนไหวนี้อาจได้รับแรงสนับสนุนจากการส่งสัญญาณเปลี่ยนจุดยืนของธนาคารกลางสหรัฐ(Fed)ที่มีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าคำตัดสินนี้เป็น ‘จุดเปลี่ยนที่สำคัญของการกำกับดูแลคริปโตในสหรัฐ’ เพราะนับเป็นหนึ่งในกรณีที่ SEC พ่ายแพ้ในศาล ซึ่งอาจส่งผลบวกต่อโครงการคริปโตอื่นที่กำลังเผชิญการฟ้องร้องในลักษณะเดียวกัน โดยเฉพาะโครงการที่กำลังประสบความเสี่ยงจากการตีความเชิงหลักทรัพย์ของ SEC อาจใช้กรณีของริปเปิลเป็นแนวทางในการวางกลยุทธ์รับมือทางกฎหมาย
แม้ศาลจะปิดคดีแล้ว แต่ประเด็นเรื่องนิยามของหลักทรัพย์ในคริปโตยังไม่จบสิ้น นักกฎหมายเตือนว่า ‘สหรัฐยังคงขาดมาตรฐานที่ชัดเจนด้านกฎระเบียบ’ ดังนั้น แม้จะไม่ต้องว่าความต่อ แต่ความเคลื่อนไหวด้านกฎหมายหรือการออกกฎใหม่ก็ยังมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต
ความคิดเห็น 0