ราคาบิตคอยน์(BTC) ร่วงลงกว่า 3,000 ดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง ส่งผลให้แนวโน้มขาขึ้นที่ระดับ 114,000 ดอลลาร์สะดุดลง โดยปัจจุบันราคาร่วงต่ำกว่าระดับ 109,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ ขณะเดียวกัน ‘ดัชนีความกลัวและความโลภ’ ซึ่งสะท้อนอารมณ์นักลงทุนในตลาดคริปโต ได้ปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน จุดกระแสถกเถียงว่า การร่วงลงครั้งนี้เป็น ‘สัญญาณของการลงต่อ’ หรือเป็นเพียงช่วงพักฐานก่อนจะพุ่งขึ้นอีกครั้ง
ต้นตอความไม่มั่นคงของตลาดล่าสุดอยู่ที่ถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ซึ่งเน้นย้ำถึงความกังวลต่อการชะลอตัวของตลาดแรงงานและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ โดยแม้ว่าในการประชุม FOMC เดือนกันยายน Fed จะดำเนินการปรับลดดอกเบี้ยแล้ว แต่ความไม่แน่นอนในนโยบายดอกเบี้ยสำหรับการประชุมเดือนตุลาคมและธันวาคมยังคงกดดันตลาด ส่งผลต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง *บิตคอยน์* ซึ่งมักตอบสนองต่อความผันผวนทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
ณ ปัจจุบัน ค่า ‘ดัชนีความกลัวและความโลภ’ อยู่ที่ 28 จุด ซึ่งอยู่ใน *โซนแห่งความกลัว* โดยดัชนีนี้คำนวณจากปัจจัยหลายด้าน เช่น ความผันผวนในตลาด เทรนด์ในโซเชียลมีเดีย ปริมาณการซื้อขาย และโมเมนตัมของราคา *บิตคอยน์* ซึ่งเมื่อดัชนีอยู่ในระดับต่ำ หมายถึงความวิตกของนักลงทุนกลับมาเหนือกว่า ทั้งนี้ในอดีต เคยมีเหตุการณ์ที่ดัชนีลดลงก่อนราคาจะรีบาวด์ ทำให้หลายฝ่ายเฝ้าติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด
ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนแสดง *ความเห็น* ว่า การร่วงล่าสุดอาจเป็นเพียง ‘การสะสมพลังเพื่อปรับฐาน’ โดยชี้ว่า ‘ความกลัวในตอนนี้อาจกลายเป็นโอกาส’ ถือเป็นจุดน่าสนใจในการเข้าซื้อ ประวัติศาสตร์ของตลาดก็เคยแสดงให้เห็นว่า หลังจากที่ดัชนีความกลัวลดลง ราคามักจะพลิกกลับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งตีความได้ว่าโอกาสเติบโตของ *บิตคอยน์* ยังไม่หมด และแรงเทขายในช่วงนี้อาจเป็นเพียง ‘การปรับฐานเพื่อการเติบโตในระยะยาว’ เท่านั้น
ในขณะเดียวกัน ยังพบการเคลื่อนไหวของนักลงทุนสายระยะกลางที่เริ่มเข้าเก็บสะสมในช่วงราคาต่ำ โดยเฉพาะในภาวะที่ความผันผวนจากปัจจัยมหภาคยังคงกดดันพฤติกรรมผู้เล่นระยะสั้น ท่ามกลางการปรับตัวลงของทั้งราคาและดัชนีความรู้สึกตลาด จุดต่ำในรอบใหม่นี้อาจกลายเป็น *จุดเปลี่ยนสำคัญและโอกาสในการเข้าใหม่* ได้ หากสัญญาณบวกทยอยกลับมาในช่วงถัดไป
ความคิดเห็น 0