บริษัทร่วมทุนคริปโตชะลอการลงทุน หันเน้นโครงการที่มีผู้ใช้งานจริง

บริษัทร่วมทุนด้านคริปโตเริ่มชะลอการลงทุนลงอย่างมีนัยสำคัญ จากที่เคยเดินหน้าอย่างร้อนแรงเพราะเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมบล็อกเชน แต่ตอนนี้มีเพียงโครงการที่มี ‘การใช้งานจริง’ และ ‘ความต้องการที่แท้จริง’ เท่านั้นที่ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุน

ซิลเวีย โท(Sylvia To) ผู้อำนวยการจากบูลลิช แคปิทัล แมเนจเมนต์ เปิดเผยระหว่างงาน ‘Token2049’ ที่จัดขึ้นในสิงคโปร์เมื่อเร็วๆ นี้ว่า “ตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทร่วมทุนจำนวนมากต่างคลั่งไคล้การลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วย ‘เรื่องเล่า’ แต่ตอนนี้พวกเขาลงทุนอย่างรอบคอบมากขึ้น” เธอยังกล่าวย้อนถึงช่วงที่การลงทุนในโครงการ ‘อีเธอเรียม(ETH)คิลเลอร์’ เป็นที่นิยม แม้ยังไม่มีความชัดเจนในความยั่งยืน “แค่พูดว่า ‘นี่คืออีกหนึ่งอีเธอเรียมคิลเลอร์’ ก็สามารถลายเซ็นเช็คได้แล้ว”

ความฮือฮาเช่นนั้นทำให้ตลาดเต็มไปด้วยบล็อกเชนมากมาย ทั้งที่มิได้มีความแตกต่างหรือโดดเด่น ส่งผลให้ ‘ระบบนิเวศน์ถูกแบ่งแยกมากเกินไป’ และเม็ดเงินก็หลั่งไหลไปสู่โครงการ Layer 1 ใหม่ๆ หรือโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่สามารถยืนระยะในตลาดได้

“ยุคของความนิยมชั่วคราวได้จบลงแล้ว” โทย้ำ พร้อมระบุว่าสิ่งสำคัญขณะนี้คือคำถามว่า ‘ใครกำลังใช้งานสิ่งนี้อยู่จริง’ โดยเมตริกหลักที่ใช้วัดว่าจะลงทุนในโครงการใดกลับกลายมาเป็น ‘จำนวนผู้ใช้งานจริง’, ‘จำนวนธุรกรรม’ และ ‘ปริมาณการแลกเปลี่ยน’ ที่เกิดขึ้น

เธอยังระบุว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของบล็อกเชนนั้นก้าวหน้าอย่างรวดเร็วก็จริง แต่หากจำนวนผู้ใช้และปริมาณทราฟิกไม่สามารถไล่ตามได้ การระดมทุนนั้นก็จะ ‘ไร้เหตุผลรองรับ’ “ไม่ว่าเทคโนโลยีจะน่าทึ่งแค่ไหน หากผู้คนไม่ใช้ มันก็ไม่มีเหตุผลให้ลงทุน” โทกล่าว

ในขณะเดียวกัน สตาร์ทอัพคริปโตบางรายยังคงมุ่งระดมทุนโดยเล็งเป้าไปที่ปี 2025 แม้ว่าจะยังพึ่งพา ‘การประเมินมูลค่าเกินจริง’ ก็ตาม โดยโทยังวิจารณ์ว่า “หลายโครงการฝากความหวังไว้กับกระแสเงินสดในอนาคตมากเกินไป ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่น่าเป็นห่วง”

มุมมองโดยรวมจากคนในอุตสาหกรรมชี้ว่าตลาดกำลังก้าวเข้าสู่ช่วง ‘การเติบโตแบบมีวุฒิภาวะ’ และโครงการใดที่ขาด ‘ฐานผู้ใช้ชัดเจน’ และ ‘โครงสร้างรายได้จริง’ ก็คงไม่สามารถอยู่รอดได้อีกต่อไป ‘แก่นแท้ของการลงทุน’ จึงไม่ใช่แค่ ‘การเติบโต’ อย่างเดียวอีกต่อไป แต่เปลี่ยนมาเป็น ‘การใช้งานจริง’ ต่างหาก