จำนวนประชากรสูงอายุและการสะสมความมั่งคั่งทั่วโลกอาจกลายเป็น *ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของความต้องการคริปโตเคอร์เรนซี* ในช่วงหลายทศวรรษข้างหน้า โดยเฉพาะเมื่อการเพิ่มขึ้นของผลิตภาพสอดคล้องกับจำนวนผู้สูงอายุที่มีฐานะการเงินมั่นคง ความสนใจในบิตคอยน์(BTC)และสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทอื่นๆ จึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ธนาคารกลางสหรัฐ สาขาแคนซัสซิตี เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรในระดับโลกจะก่อให้เกิด *ความต้องการสินทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะยาว* โดยคาดว่า ระหว่างปี 2024 ถึง 2100 แนวโน้มสูงวัยของประชากรจะเพิ่มความต้องการสินทรัพย์เทียบเท่ากับ 200% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ทั่วโลก รายงานระบุว่า การคาดการณ์นี้ไม่ได้อิงเพียงสมมติฐาน แต่ใช้การจำลองทางประชากรศาสตร์ที่อ้างอิงจากข้อมูลเศรษฐกิจในอดีต
นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ สาขาแคนซัสซิตียังระบุว่า การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้สูงอายุจะ *ส่งผลให้แนวโน้มการสะสมสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ยังคงดำเนินต่อไป* ความเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างนี้อาจนำไปสู่การลดลงของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในระยะยาว ซึ่งจะกระตุ้นให้เม็ดเงินลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า โดยเฉพาะในกลุ่มสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น บิตคอยน์(BTC)
ท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยต่ำ นักลงทุนสถาบันเริ่มหันความสนใจจากการลงทุนแบบเดิมไปยังสินทรัพย์บนเทคโนโลยีบล็อกเชน ตั้งแต่บิตคอยน์ไปจนถึงสินทรัพย์ดิจิทัลหลากหลายประเภท ซึ่งปัจจัยนี้กำลัง *ส่งผลเชิงบวกต่อภาพรวมของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี* พร้อมทั้งเปิดทางให้กับผู้เล่นหน้าใหม่ที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มสูงวัยและการสะสมสินทรัพย์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บางประเทศ การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างนี้จึงอาจกลายเป็น *แนวโน้มระยะยาวที่ส่งเสริมการยอมรับคริปโตทั่วโลก* ในอนาคต
ความคิดเห็น 0