YZiแล็บส์ เปิดตัว ‘บิลเดอร์ฟันด์’ มูลค่าสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.39 หมื่นล้านบาท) เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการหน้าใหม่ในระบบนิเวศ BNBเชน โดยกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในสตาร์ทอัพที่อยู่ในระยะเริ่มต้น ซึ่งทำงานในสายงาน *เว็บ3*, *ปัญญาประดิษฐ์(AI)* และ *ไบโอเทคโนโลยี* พร้อมให้การสนับสนุนจากทุกมุมเพื่อเร่งการเติบโต
โครงการที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับเงินลงทุนสูงสุดถึง *500,000 ดอลลาร์ (ราว 6.95 ล้านบาท)* รวมถึงสิทธิเข้าถึงเครือข่ายระดับโลกของ YZiแล็บส์ที่มีผู้ใช้งานกว่า 460 ล้านราย พร้อมบริการให้คำปรึกษา, เครื่องมือพัฒนา และการเชื่อมต่อกับเครือข่ายพาร์ตเนอร์ โดย เอลล่า จาง(Ella Zhang) ผู้บริหาร YZiแล็บส์ ระบุว่า BNBเชน เป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลรุ่นถัดไปที่รวม ‘ความเป็นกลางกระจายศูนย์’, ‘ความสามารถในการขยายบนเชน’, และ ‘การใช้งานจริง’ เข้าด้วยกันอย่างลงตัว
บิลเดอร์ฟันด์นี้จะให้ ‘ความสำคัญ’ กับโครงการที่มีเทคโนโลยีพร้อมใช้งานจริง โดยเน้นกลุ่ม *การเงินแบบไร้ศูนย์กลาง(DeFi)*, *สินทรัพย์จริงบนเชน(RWA)*, *วิทยาศาสตร์แบบเปิด(DeSci)*, ระบบจ่ายเงิน และโครงสร้างพื้นฐานกระเป๋าเงินดิจิทัล ปัจจุบัน YZiแล็บส์ถือครองพอร์ตโฟลิโอที่มีโครงการกว่า 300 แห่งจาก 25 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึง *แพนเคกสวอป(CAKE)*, *ลิสต้าแดว(ListaDAO)*, *แอสเตอร์(Aster)* และ *แอสเปคตา(Aspecta)*
ในเดือนตุลาคมนี้ YZiแล็บส์ จะรวมโครงการเร่งการเติบโต 'Most Valuable Builder (MVB)' เข้ากับโครงการ 'EASY Residency' เพื่อให้การสนับสนุนอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป้าหมายคือการสร้างเส้นทางเติบโตที่ชัดเจนกว่าเดิมให้แก่นักพัฒนา โดยผู้เข้าโครงการสามารถรับเงินสนับสนุนได้สูงสุดถึง *500,000 ดอลลาร์* เช่นเดิม
พร้อมกันนี้ ยังมีการขยายโปรแกรม EASY Residency ไปยังศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีของโลก เช่น นิวยอร์ก, ซานฟรานซิสโก, ดูไบ และสิงคโปร์ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการพัฒนาที่เอื้อต่อการเชื่อมต่อกับ BNBเชนอย่างสมบูรณ์แบบ อีเวนต์ขนาดใหญ่ในอดีตที่จัดขึ้นในกรุงโซลและสิงคโปร์โดย YZiแล็บส์ ก็เคยเป็นเวทีที่เชื่อมโยงนักลงทุนสายเว็บ3 กับสถาบันแบบดั้งเดิมมาแล้ว และถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตระดับโลกของ BNBอีกด้วย
ในด้านของเครือข่าย BNBเชน เองก็มีพัฒนาการโดดเด่น ล่าสุดมียอดธุรกรรมรายวันทะลุ *26 ล้านรายการ* ทำให้ก้าวขึ้นมาเป็น *อันดับ 1 ในด้านปริมาณการซื้อขายบน DEX* และ *จำนวนผู้ใช้งานรายวัน* โดยสามารถแซงหน้า *โซลานา(SOL)* ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ทั้งสองเครือข่ายเริ่มแข่งขันกันอย่างจริงจังตั้งแต่ปีก่อน
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม บีเอ็นบี ยังทำราคาสูงสุดใหม่ที่ *1,330 ดอลลาร์ (ราว 1.85 ล้านบาท)* ทำให้ขึ้นแท่นเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก
ขณะเดียวกัน การอัปเกรดครั้งใหญ่ด้วย ‘แมกซ์เวลล์ฮาร์ดฟอร์ก(Maxwell Hardfork)’ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ได้ยกระดับศักยภาพของเครือข่ายอย่างมีนัยสำคัญ โดยลดเวลาในการสร้างบล็อกเหลือเพียง *0.75 วินาที* และลดค่าธรรมเนียมธุรกรรมเหลือ *0.05 Gwei* ทำให้ผู้พัฒนาและผู้ใช้งานสามารถดำเนินการบนเชนได้อย่าง ‘รวดเร็ว’ และ ‘ประหยัด’ ยิ่งกว่าเดิม
ความคิดเห็น 0