บิตคอยน์(BTC) กลับมาเป็นศูนย์กลางการถกเถียงในวงการคริปโตอีกครั้งในฐานะ ‘ทองคำดิจิทัล’ หลังจากที่สองบุคคลสำคัญในอุตสาหกรรม อย่างไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) และริชาร์ด เต็ง(Richard Teng) ต่างออกมาแสดงจุดยืนตรงกัน ซึ่งสร้างความสนใจอย่างมากในวงกว้าง
เมื่อไม่นานมานี้ ริชาร์ด เต็ง ผู้บริหารสูงสุดของไบนานซ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยระบุว่าบิตคอยน์คือ ‘ทองคำดิจิทัลแห่งยุค’ คำกล่าวนี้แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการ แต่ที่น่าสนใจคือไมเคิล เซย์เลอร์ ประธานบริษัทกลยุทธ์ (Strategy) ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการถือครองบิตคอยน์ในปริมาณมหาศาล ได้ตอบกลับด้วยคำว่า ‘Yes’ อย่างชัดเจน ถือเป็นการเห็นพ้องกันอย่างเป็นทางการและแฝงพลังสื่อสารสูง
การสนับสนุนจากทั้งสองคนนี้ไม่ใช่แค่คำพูดธรรมดา เนื่องจากไมเคิล เซย์เลอร์นั้นเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่เปลี่ยนโครงสร้างทางการเงินของบริษัทเพื่อถือครองบิตคอยน์ โดยปัจจุบันเขาถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลนี้กว่า 7.89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.09 ล้านล้านบาท) ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นระยะยาวในสถานะของบิตคอยน์ว่าเป็น ‘ทองคำในโลกดิจิทัล’ อย่างแท้จริง
ในแง่ของมูลค่าการเปรียบเทียบ ปัจจุบันบิตคอยน์ 1 เหรียญมีมูลค่าประมาณเท่ากับทองคำ 30 ออนซ์ แม้จะลดลงจาก 37 ออนซ์เมื่อต้นปี แต่ก็ยังสูงกว่าเมื่อเทียบกับกลางปีที่ผ่านมา เซย์เลอร์ชี้ให้เห็นว่าอัตราส่วน BTC/ทองคำเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สะท้อนคุณสมบัติของบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ และไม่ควรเน้นแค่ความผันผวนระยะสั้นเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม หากดูเฉพาะผลตอบแทนในปี 2025 จนถึงปัจจุบัน ทองคำมีการพุ่งขึ้นประมาณ 54% ขณะที่บิตคอยน์เพิ่มขึ้นราว 30% ซึ่งอาจทำให้บางนักลงทุนมองว่าการเรียกบิตคอยน์ว่า ‘ทองคำดิจิทัล’ ยังห่างไกลจากทองคำจริงในแง่ของผลตอบแทน
*ความคิดเห็น* เซย์เลอร์กลับให้ความสำคัญกับ ‘การเล่าเรื่องทางวัฒนธรรม’ มากกว่าราคา เขากล่าวว่าบิตคอยน์มีสถานะเทียบเท่าทองคำแล้วและควรพิจารณาจากมุมมองระยะยาวในฐานะเครื่องมือเก็บรักษามูลค่าในโลกยุคดิจิทัล มากกว่าการมองเป็นเพียงทรัพย์สินเก็งกำไร
การตอบรับของเซย์เลอร์ต่อคำกล่าวของเต็งจึงมีนัยที่ลึกซึ้งกว่าที่เห็น มันแสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพของผู้นำในอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถกลายเป็นสัญญาณบวกต่อการยอมรับในตลาด และอาจมีบทบาทนำไปสู่การเข้ามาลงทุนของสถาบันการเงินรายใหญ่ในอนาคต ทั้งนี้ในสภาพแวดล้อมที่บิตคอยน์ยังคงตกเป็นที่ถกเถียง ความมั่นใจของผู้มีอิทธิพลเช่นนี้อาจกลายเป็นอีกหนึ่ง ‘แรงส่ง’ สำคัญต่อเส้นทางการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะยาว.
ความคิดเห็น 0