Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

สแตรทีจีซื้อบิตคอยน์(BTC)เพิ่มอีก 220 เหรียญ มูลค่า 27.2 ล้านดอลลาร์ สะสมรวมทะลุ 640,000 BTC

สแตรทีจีซื้อบิตคอยน์(BTC)เพิ่มอีก 220 เหรียญ มูลค่า 27.2 ล้านดอลลาร์ สะสมรวมทะลุ 640,000 BTC / Tokenpost

บริษัทสแตรทีจี (ชื่อเดิม ไมโครสแตรทีจี) ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะองค์กรที่มุ่งเน้นการลงทุนในบิตคอยน์(BTC) ได้เข้าซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ แม้ปริมาณการซื้อจะน้อยกว่าครั้งก่อน ๆ แต่ก็ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 13 (เวลาท้องถิ่น) ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ผู้ก่อตั้งบริษัท ได้โพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมชื่อทวิตเตอร์) ว่าบริษัทได้เข้าซื้อบิตคอยน์จำนวน 220 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 27.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 378.8 พันล้านวอน โดยคิดเป็นราคาซื้อเฉลี่ยที่ประมาณ 123,561 ดอลลาร์สหรัฐต่อ BTC หรือประมาณ 17.16 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทถือครองบิตคอยน์รวมทั้งสิ้น 640,250 BTC ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 47.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 65.88 ล้านล้านวอน

ในด้านกลยุทธ์การลงทุน สแตรทีจียังคงยึดมั่นในแนวทางการสะสมบิตคอยน์อย่างต่อเนื่อง โดยมีต้นทุนเฉลี่ยที่ประมาณ 74,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 10.3 ล้านบาทต่อ 1 BTC ซึ่งส่งผลให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 25.9% แม้จะยังไม่ใช่กำไรที่พุ่งสูง แต่ก็สะท้อนว่าวิสัยทัศน์ของเซย์เลอร์ที่มองว่าบิตคอยน์คือ ‘ทองคำดิจิทัล’ เริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจนมากขึ้น

‘ความคิดเห็น’: แม้จะเป็นการเข้าซื้อในปริมาณที่น้อยลง แต่ก็ถือเป็นจุดที่น่าสนใจ เพราะเมื่อเทียบกับการเทซื้อครั้งใหญ่ในอดีต ความเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนถึงการปรับจังหวะให้รอบคอบมากขึ้น อาจเป็นเพราะราคาบิตคอยน์ที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวเหนือระดับ 120,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน ซึ่งเป็นไปได้ว่าสแตรทีจีกำลังเลือกเข้าซื้อแบบระมัดระวังมากขึ้น เพื่อประเมินทิศทางใหม่ของตลาด

แม้การซื้อจะลดลง แต่สแตรทีจียังคงครองตำแหน่งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ถือบิตคอยน์มากที่สุดในโลก ซึ่งสะท้อนถึง ‘คำ’ ความมั่นใจในวิสัยทัศน์ระยะยาวของบริษัทต่อคริปโตเคอร์เรนซีมากกว่าการเก็งกำไรในช่วงสั้น

ขณะเดียวกัน ก็มีบางฝ่ายมองว่าการเคลื่อนไหวของสแตรทีจีครั้งนี้อาจไม่ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อตลาด ราคาบิตคอยน์ หรือความต้องการจากภาคสถาบันมากนัก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนด้านการเมือง เช่น ความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง ซึ่งอาจทำให้ตลาดคริปโตเผชิญความผันผวนมากขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า กรณีของสแตรทีจีจึงอาจเป็น ‘คำ’ ตัวชี้วัดสำคัญที่บ่งชี้แนวโน้มของการลงทุนจากภาคสถาบันในระยะต่อไปได้อย่างน่าจับตามอง

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1