บิตคอยน์(BTC) ร่วงมากกว่า 10% จากจุดสูงสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำสถิติผลตอบแทนรายสัปดาห์ที่แย่ที่สุดขณะนี้ โดยนักวิเคราะห์เตือนถึง ‘ความผันผวนที่เพิ่มขึ้น’ และ ‘ความเป็นไปได้ของการปรับฐานในระยะกลางถึงยาว’ พร้อมทั้งตั้งข้อสงสัยว่า ราคาจะสามารถทะลุแนวต้าน 1 แสนดอลลาร์(ประมาณ 1.39 ล้านบาท) ได้จริงหรือไม่
ณ ปัจจุบัน บิตคอยน์ซื้อขายอยู่ที่ราว 111,500 ดอลลาร์(ประมาณ 1.55 ล้านบาท) โดยลดลง 4% ภายใน 24 ชั่วโมง และลดลงกว่า 10% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน การปรับฐานครั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจากความรู้สึกไม่มั่นคงของนักลงทุนทั่วโลก ส่งผลให้ราคาเคลื่อนไหวแบบไร้ทิศทางในกรอบกว้าง
ไมเคิล ฟาน เดอ ปอป(Michaël van de Poppe) นักวิเคราะห์ตลาด ระบุว่า “แนวโน้มราคาปัจจุบันยังไม่ชัดเจน และความผันผวนจะยังคงอยู่ จนกว่าตลาดจะมีทิศทางที่ชัดเจน” เขาเสริมว่า หากบิตคอยน์ต้องการกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น จะต้องทะลุระดับ 119,500 ดอลลาร์(ประมาณ 1.66 ล้านบาท) ขณะที่แนวรับใกล้สุดอยู่ที่ 107,300 ดอลลาร์(ประมาณ 1.49 ล้านบาท) อีกจุดที่แข็งแกร่งกว่าคือช่วงระหว่าง 108,000–103,900 ดอลลาร์(ประมาณ 1.50–1.44 ล้านบาท)
ทางด้าน อาลี มาร์ติเนซ(Ali Martinez) นักวิเคราะห์ข้อมูลออนเชน ให้ความเห็นว่า หากบิตคอยน์หลุดระดับแนวรับปัจจุบัน อาจไถลลงไปถึงเป้าหมายล่างที่ 101,800 ดอลลาร์(ประมาณ 1.41 ล้านบาท) โดยชี้ว่าระดับ 108,000 ดอลลาร์ และ 106,500 ดอลลาร์(ประมาณ 1.50 และ 1.48 ล้านบาท) เป็นแนวรับระยะสั้นที่ต้องเฝ้าระวัง พร้อมตั้งคำถามว่า “บิตคอยน์จะกลับไปทดสอบแนว 1 แสนดอลลาร์อีกครั้งหรือไม่?” ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันจากภาวะตลาดที่ยังไม่คลี่คลาย
นักวิเคราะห์อีกรายที่ชื่อว่า เท็ด(Ted) ระบุว่า บิตคอยน์ถูกปฏิเสธที่ระดับ 116,000 ดอลลาร์(ประมาณ 1.61 ล้านบาท) และเสริมว่า หากราคาสามารถยืนเหนือแนว 110,000–111,000 ดอลลาร์(ประมาณ 1.52–1.54 ล้านบาท) โอกาสการฟื้นตัวก็ยังมี อย่างไรก็ตาม หากหลุดระดับดังกล่าว ราคามีโอกาสดิ่งลงไปใกล้ 107,000 ดอลลาร์(ประมาณ 1.48 ล้านบาท)
ด้านจิตวิทยาตลาด พบว่ามีการชะลอตัวอย่างมีนัย อิงจากข้อมูลโซเชียลที่เผยแพร่โดยมาร์ติเนซ ระบุว่า ดัชนีความรู้สึกถ่วงน้ำหนักของผู้เล่นในตลาดบิตคอยน์ อยู่ที่ -1.55 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายปี โดยเริ่มลดลงอย่างชัดเจนตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับช่วงที่ความกังวลด้านสงครามการค้าเริ่มปะทุขึ้น
อย่างไรก็ดี ข้อมูลบางส่วนยังคงสนับสนุนมุมมองในเชิงบวก บริษัทวิเคราะห์คริปโต XWIN Research Japan เผยผลศึกษาล่าสุดว่า หลังเหตุการณ์การเทขายจำนวนมาก 5 ครั้งก่อนหน้านี้ ราคามักจะฟื้นตัวตามมาเสมอ โดยระบุว่า “การฟื้นตัวหลังจากการถูกชำระบัญชีครั้งใหญ่ ไม่ใช่สัญญาณของการพังทลายอีกต่อไป แต่เป็นการฟื้นฟูโครงสร้างของตลาด”
ล่าสุด มีมูลค่าชำระบัญชีรวมราว 19,000 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 26.4 แสนล้านบาท) ส่งผลให้ ‘โอเพ่นอินเทอเรสต์’ ลดลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่เลเวอเรจลดลง ค่า Funding Rate กลับมาใกล้สภาวะปกติ และเห็นแรงซื้อใหม่ในตลาดสปอต
บิตคอยน์ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ไม่สามารถแสดง ‘สัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม’ ได้อย่างชัดเจน ซึ่งอาจนำไปสู่การขึ้นต่อในระยะยาว หรือเข้าสู่ช่วงปรับฐานครั้งใหญ่อีกระลอก นักลงทุนจึงจำเป็นต้องจับตาแนวรับหลักและภาวะตลาดโดยรวมอย่างใกล้ชิดในช่วงเวลาสำคัญนี้
ความคิดเห็น 0