อีเธอเรียม(ETH) กำลังส่งสัญญาณขัดแย้งจากมุมมองทางเทคนิคในช่วงเวลานี้ โดยข้อมูลบางชุดชี้ถึงความเป็นไปได้ของการปรับฐานลง ขณะที่อีกหลายตัวบ่งชี้ถึงโอกาสฟื้นตัว นักวิเคราะห์ในตลาดต่างจับตามองระดับราคาสำคัญที่ 3,900 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.42 ล้านบาท) ซึ่งอาจกลายเป็นแนวรับสำคัญของราคาในระยะสั้น
อาลี มาร์ติเนซ(Ali Martinez) นักวิเคราะห์ด้านเทคนิคเปิดเผยว่า บนกราฟรายสัปดาห์อีเธอเรียมกำลังเข้าใกล้สัญญาณ ‘MACD ครอสโอเวอร์ขาลง’ ซึ่งในอดีตเคยทำให้ราคา ETH ร่วงลงถึง 43% และ 61% ตามลำดับ นอกจากนี้ MACD ฮิสโตแกรมยังอยู่ในช่วงขาลง บ่งชี้ว่า ‘แรงขาย’ ยังมีแนวโน้มขยายตัว ปัจจุบันอีเธอเรียมซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 4,000 ดอลลาร์ (ราว 5.56 ล้านบาท) ลดลง 4% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า และ 10% เมื่อเทียบรายสัปดาห์ แม้สัญญาณทางเทคนิคยังไม่ยืนยันจุดตัด MACD อย่างสมบูรณ์ แต่หากเกิดขึ้นจริง ก็มี ‘ความเสี่ยงของการย่อตัวเพิ่มเติม’
ในทางกลับกัน ยังมี ‘สัญญาณบวก’ ที่อาจสนับสนุนการรีบาวด์ได้เช่นกัน ทอม ทักเกอร์(Tom Tucker) นักวิเคราะห์อีกคนชี้ว่า ดัชนี RSI ร่วงแตะระดับ 16 ซึ่งสะท้อนภาวะ ‘ขายมากเกินไป’ และมักเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัว เขาให้ความเห็นว่า "ค่า RSI ที่ต่ำขนาดนี้มักเป็นสัญญาณเตือนว่าราคากำลังเข้าใกล้โซนกลับตัว และแรงขายที่เกิดขึ้นอาจเกินความจำเป็น"
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์นามแฝง ‘Titan of Crypto’ พบว่า บนกราฟรายสัปดาห์ของ ETH ยังคงมีรูปแบบ ‘บูลแฟล็ก(Bull Flag)’ อยู่ ซึ่งหากรูปแบบนี้ยังคงอยู่และสามารถเบรกเอาท์ขึ้นได้ ราคาอาจพุ่งไปแตะเป้าหมายที่ 6,700 ดอลลาร์ (ประมาณ 9.31 ล้านบาท) โดยคาดการณ์จากความสูงของเส้นธงในช่วงขาขึ้นก่อนหน้า
มาร์ติเนซยังเปิดเผยเพิ่มเติมผ่านการวิเคราะห์ ‘MVRV แบนด์’ ว่า ราคาปัจจุบันของอีเธอเรียมยังคงเคลื่อนไหวเหนือระดับค่าเฉลี่ยที่ 3,900 ดอลลาร์ หากยังรักษาระดับนี้ไว้ได้ ต่อไปอาจมีโอกาสปรับขึ้นไปแตะแนวต้านสูงสุดที่ 6,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 8.34 ล้านบาท) แต่หากไม่สามารถยืนระดับนี้ได้ ความเสี่ยงของการปรับฐานลงมาที่ประมาณ 2,800 ดอลลาร์ (ราว 3.89 ล้านบาท) จะเพิ่มสูงขึ้น
ในเชิงโครงสร้างพื้นฐาน การไหลเข้าของเงินทุนสถาบันยังเป็น ‘แรงหนุนสำคัญ’ ให้กับอีเธอเรียม บริษัทจัดการสินทรัพย์ บิทไวส์(Bitwise) เปิดเผยว่า 95% ของ ETH ที่ถูกถือครองโดยบริษัทจดทะเบียนในตลาดทั้งหมดนั้น ได้รับการซื้อในไตรมาสล่าสุด ส่งผลให้ ETH เพิ่มเข้าพอร์ตถึง 4.4 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นกว่า 1,937% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะนี้ มี ETH อยู่ในมือของ ETF และบริษัทที่จดทะเบียนรวมกันทั้งหมด 12.5 ล้านเหรียญ คิดเป็น 10.31% ของอุปทานรวมของอีเธอเรียม
ในมุมมองของไซเฟอร์ X(Cipher X) ยังเผยว่าอีเธอเรียมกำลังสร้างตัวในฐานะ ‘ชั้นโครงสร้างการชำระเงินของเศรษฐกิจดิจิทัล’ โดยสาธิตผ่านตัวอย่างการเติบโตของ USDC ซึ่งมีมูลค่าการออกใกล้แตะ 45,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 62.5 ล้านล้านบาท) รวมถึงกองทุน BUIDL ของแบล็คร็อก ที่ถือครองพันธบัตรสหรัฐในรูปแบบโทเคนมูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ แม้ยังไม่มีความร่วมมือโดยตรงระหว่างทั้งสองกรณี แต่ก็สะท้อนถึง ‘การเติบโตพร้อมกันบนอีเธอเรียม’ ที่เกิดขึ้นจริง
โดยสรุป ขณะนี้อีเธอเรียมอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอน ที่มีทั้งแรงกดดันจากปัจจัยทางเทคนิคขาลง และแรงสนับสนุนจาก ‘ความต้องการของสถาบัน’ ที่แข็งแกร่ง นักลงทุนควรจับตาแนวรับ 3,900 ดอลลาร์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางระยะสั้นที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ความคิดเห็น 0