ไบบิท(Bybit) หนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ได้ประกาศถอดถอนเหรียญคริปโตจำนวน 15 คู่จากตลาดอนุพันธ์แบบไร้วันหมดอายุ ซึ่งถือเป็นการถอดถอนครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัทในปี 2025 การดำเนินการนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม โดยเหตุผลหลักคือ ‘สภาพคล่องต่ำ’ และ ‘ปริมาณการซื้อขายที่ไม่เพียงพอ’
หลายเหรียญที่ถูกถอดถอนเชื่อมโยงกับโครงการในระบบนิเวศเฉพาะทางอย่าง DeFi เมตาเวิร์ส และเครือข่ายที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เช่น ออสมอซิส(OSMO), สตาร์ฟิ(FIS), สเกต(SKATE), ทานชิ(TANSSI), โนด(NODE), เมเจอร์(MAJOR), แฟรก(FRAG) และ สเวลล์(SWELL) โดยส่วนใหญ่มีปริมาณการซื้อขายรายวันไม่ถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 139 ล้านบาท ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม ‘เหรียญขนาดเล็ก’
จากประกาศของไบบิท เหตุผลที่ต้องถอดถอนเหล่าเหรียญเหล่านี้เกิดจากความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง แม้ตลาดอนุพันธ์จะเปิดโอกาสทั้งในด้านเฮดจิ้งและการเก็งกำไร แต่สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำจะเพิ่มโอกาสเกิด ‘การชำระบัญชีแบบผิดปกติ(order-out liquidation)’ ซึ่งกระทบต่อความเสถียรของตลาดโดยรวม
*ความคิดเห็น:* การถอดถอนนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่มาตรการทางเทคนิค แต่สะท้อนถึงความพยายามของไบบิทในการคัดกรองคุณภาพของสินทรัพย์บนแพลตฟอร์ม เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในตลาดอนุพันธ์
การตัดสินใจของไบบิทยังเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ ‘แบล็กฟรายเดย์’ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่เกิดแรงขายขนาดใหญ่ในตลาดอนุพันธ์จากคริปโตที่มีสภาพคล่องต่ำ จนส่งผลให้ตลาดเผชิญแรงกดดันอย่างรุนแรง การถอดถอนนี้จึงถือเป็น ‘ขั้นตอนต่อเนื่อง’ ในแผนการลดความเสี่ยงของบริษัท
ปัจจุบัน ไบบิทมียอดซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในตลาดสปอตอยู่ที่ราว 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.86 แสนล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 11.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.59 ล้านล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การ ‘คัดของตกกระป๋อง’ แต่เป็นกลยุทธ์เพื่อยกระดับคุณภาพตลาดอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ ไบบิทยังส่งสัญญาณว่าหากมีเหรียญใดที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์สภาพคล่องในอนาคต ก็อาจมีการจัดการในรูปแบบเดียวกัน โดยยืนยันจุดยืนว่าจะยังคงบริหารความเสี่ยงภายใต้หลักเกณฑ์เข้มงวดเพื่อเสถียรภาพของตลาดเป็นสำคัญ
ความคิดเห็น 0