แม้จะเป็นผู้สร้างโมเดล ‘ทฤษฎีรอบ 4 ปี’ สำหรับราคาบิตคอยน์(BTC) แต่ผู้วางรากฐานแนวคิดนี้อย่าง PlanB ก็เริ่มตั้งคำถามถึงความถูกต้องของโมเดลดังกล่าว โดยล่าสุดเขาแสดงความเห็นผ่านโซเชียลมีเดียว่า การยึดติดกับ ‘ทฤษฎีรอบ 4 ปี’ อาจเป็น *“ความเข้าใจผิดครั้งใหญ่”* สำหรับตลาดคริปโต
PlanB ชี้ว่า ฝ่ายตลาดหมี(Bear market)เชื่อว่าบิตคอยน์ได้แตะจุดสูงสุดไปแล้วที่ 126,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.75 ล้านบาท) และจะร่วงลงต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ในไม่ช้า รวมถึงคาดการณ์ว่าแนวโน้มขาลงจะยาวไปจนถึงปี 2026 แต่เขาแย้งว่าการตีความแบบนั้นเป็นการ ‘มองภาพรวมที่เรียบง่ายเกินไป’ โดยเสริมว่า การอ้างอิงแค่ 3 รอบของตลาดในอดีตก็ยังไม่เพียงพอที่จะสรุปว่ามี ‘รูปแบบที่ชัดเจน’ ได้
เขายังเตือนว่า แม้ในอดีต จุดสูงสุดของราคามักเกิดขึ้นภายใน 18 เดือนหลังการลดรางวัลของนักขุด (Halving) แต่ *“รอบนี้อาจแตกต่าง”* เพราะจุดสูงสุดอาจจะเลื่อนไปในปี 2026, 2027 หรือแม้แต่ 2028 พร้อมเน้นว่า สิ่งสำคัญไม่ใช่ระดับราคาสูงสุดหรือจุดต่ำสุดของรอบ แต่เป็น ‘ราคาเฉลี่ย’ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า
PlanB กล่าวเสริมว่า “*ตลาดยังไม่ถึงจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญของรอบนี้*” และขณะนี้อาจอยู่ในช่วงที่โครงสร้างราคากำลังเข้าสู่ความมั่นคงภายใต้การลงทุนของ ‘นักลงทุนสถาบัน’ หรือไม่ก็เตรียมพร้อมสำหรับ ‘การกระโดดครั้งใหญ่’ ซึ่งทั้งสองสถานการณ์ต่างก็มีนัยเชิงบวกต่อบิตคอยน์
นอกจากความเห็นของ PlanB ยังมีการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญในวงการ เช่น วิลลี วู(Willy Woo) นักวิเคราะห์ข้อมูลบนเชน(on-chain analyst) ที่เผยว่า รอบตลาดก่อนหน้านั้นขับเคลื่อนโดยสภาพคล่องจากตลาดอนุพันธ์ แต่ในรอบนี้ เงินทุนระยะยาวที่เน้นลงทุนในตลาดสปอต(Spot)กำลังมีบทบาทมากขึ้นและมั่นคงกว่า โดยเขาเสริมว่า “*รอบนี้แตกต่างอย่างชัดเจน* เพราะสภาพคล่องระยะสั้นเริ่มลดลง ขณะที่สภาพคล่องระยะยาวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง”
ราคาบิตคอยน์ที่ร่วงลงต่ำกว่า 104,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.44 ล้านบาท) เมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มวิตกว่าตลาดหมีอาจเริ่มต้นแล้ว และมีความพยายามขายตัดขาดทุน โดยนักวิเคราะห์อย่าง Rekt Capital มองว่า ตอนนี้สิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ใช่แค่ ‘ราคา’ แต่คือ “*มุมมองที่ผู้คนมีต่อราคา*”
บิตคอยน์ ณ เช้าวันที่ 21 ตามเวลาเอเชีย ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 107,700 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.49 ล้านบาท) ใกล้เส้นแนวรับทางจิตวิทยาที่ระดับ 108,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.5 ล้านบาท) ทำให้ตลาดแสดงปฏิกิริยาตอบสนองอย่างอ่อนไหว และมีความเห็นว่า การฟื้นตัวที่ยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมี ‘ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง’ สนับสนุน
การที่ภาพรวมของตลาดคริปโตกำลังเดินเข้าสู่เฟสใหม่ ซึ่งต่างจากโครงสร้างเดิมในอดีต มีแนวโน้มจะท้าทายแนวคิดที่ใช้ทำนายราคาตาม ‘รอบเวลาแบบง่ายๆ’ PlanB ทิ้งท้ายว่า “ตลาดรอบนี้อาจไม่ใช่แค่การทำซ้ำ แต่คือ *‘เฟสใหม่อย่างสิ้นเชิง’*” และขอให้นักลงทุนเปิดมุมมองที่กว้างขึ้นต่ออนาคตของบิตคอยน์
ความคิดเห็น 0