โครงการบล็อกเชนที่พัฒนาจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) อย่าง เฟตช์เอไอ(Fetch.ai) ตกเป็นข่าวใหญ่หลังจากหัวหน้าทีมประกาศตั้ง ‘รางวัลนำจับ’ มูลค่า 277.5 ล้านบาท (ประมาณ 25 ล้านดอลลาร์) เพื่อตามหาผู้ถือสิทธิ์ลงชื่อในกระเป๋าเงินมัลติซิก(Multisig) ของโครงการคู่แข่งอย่าง โอเชียนโปรโตคอล(Ocean Protocol) ท่ามกลางความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นจากกระบวนการรวมตัวของพันธมิตร ASI
ฮูมายูน เชค(Humayun Sheikh) ซีอีโอของเฟตช์เอไอ เปิดเผยผ่านบัญชี X (ชื่อเดิม Twitter) ว่าผู้ใดให้ข้อมูลระบุตัวตนของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการลงชื่อในกระเป๋ามัลติซิกของโอเชียนดีเอโอ(OceanDAO) จะได้รับเงินรางวัลตามที่ประกาศไว้ พร้อมกันนี้ เขาแสดงเจตนารมณ์ที่จะค้นหาความเชื่อมโยงเหล่านั้นไปถึงตัวผู้บริหารของมูลนิธิโอเชียนโปรโตคอล
กระเป๋ามัลติซิกเป็นเครื่องมือจัดเก็บคริปโตที่ต้องใช้ลายเซ็นจากหลายฝ่ายในการทำธุรกรรม ซึ่งได้รับการยกย่องว่าปลอดภัยและโปร่งใสสำหรับการจัดการสินทรัพย์แบบกระจายศูนย์ อย่างไรก็ตาม เชคตั้งข้อสังเกตว่าการออกแบบนี้ก็อาจเปิดช่องให้เกิด ‘การใช้งานทรัพย์สินโดยมิชอบ’ ได้เช่นกัน
จุดพีคของข้อกล่าวหาคือ การที่เชคระบุว่า ในช่วงรวมพันธมิตร ASI ร่วมกับโอเชียนโปรโตคอลและซิงกูลาริตีเน็ต(SingularityNET) มีการโอนย้ายโทเคนเฟตช์(FET) จำนวนนับ 286 ล้านหน่วย โดยมิชอบ ซึ่งคำนวณตามมูลค่าปัจจุบันอยู่ที่ราว 1,112 ล้านบาท (ประมาณ 80 ล้านดอลลาร์) โดยทั้งหมดเกิดขึ้นภายใต้ข้อตกลงรวมโทเคน ปี 2024
ตามคำอ้างของเชค โอเชียนโปรโตคอลได้ออกเหรียญโอเชียน(OCEAN) เพิ่มจำนวนมาก ก่อนจะนำไปแปลงเป็นโทเคนเฟตช์ จากนั้นจึงโอนทรัพย์สินดังกล่าวออกมายังบัญชีในตลาดซื้อขายแบบรวมศูนย์ โดยไม่ได้เปิดเผยข้อมูลโปร่งใสหรือขอความเห็นชอบจากพันธมิตร ซึ่งเชคเรียกสิ่งนี้ว่าเป็น ‘การแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ’ และยืนยันจะดำเนินการทางกฎหมายเพื่อเรียกคืนสินทรัพย์พร้อมระบุตัวผู้รับผิดชอบ
ความคิดเห็นในแวดวงบล็อกเชนมองว่า กรณีนี้สะท้อนปัญหาสำคัญด้าน ‘ความโปร่งใสในการควบคุมและจัดการสินทรัพย์’ โดยเฉพาะในช่วงรวมโครงการแบบพันธมิตรที่มีหลายฝ่ายและหลายระบบเกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงเรียกร้องให้มีการพัฒนาแนวทางกำกับดูแลใหม่เพื่อป้องกันวิกฤตความเชื่อมั่นในโครงการแบบกระจายศูนย์ในอนาคต
ความคิดเห็น 0