ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
เทคโนโลยีความเป็นส่วนตัวของอีเธอเรียม(ETH) กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะสามารถมอบประโยชน์ที่แท้จริงให้กับทั้งภาคธุรกิจและผู้ใช้งานทั่วไปในอนาคตอันใกล้ โดย พอล โบรดี้ ผู้นำด้านบล็อกเชนระดับโลกของบริษัทที่ปรึกษาทางบัญชี เอิร์นสต์แอนด์ยัง(EY) คาดการณ์ว่า ปี 2026 จะเป็น *ยุคทองของความเป็นส่วนตัวบนอีเธอเรียม*
โบรดี้เปิดเผยว่า ตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีความเป็นส่วนตัวบนอีเธอเรียมมีความก้าวหน้าอย่าง “ก้าวกระโดด” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับต้นทุนในอดีตที่สูงลิ่ว เขาระบุว่า *กระบวนการตรวจสอบข้อมูลที่เคยต้องใช้ต้นทุนสูงหลักหลายสิบดอลลาร์ ปัจจุบันสามารถดำเนินการได้ในต้นทุนเพียงไม่กี่เซ็นต์* ซึ่งเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญสำหรับภาคธุรกิจ
หนึ่งในตัวอย่างเด่นคือแพลตฟอร์ม ‘ไนท์ฟอลล์(Nightfall)’ ซึ่งพัฒนาโดยเอิร์นสต์แอนด์ยัง ก่อนหน้านี้ต้องใช้ต้นทุนค่าแก๊สราว 100 ดอลลาร์ในการประมวลผลตรวจสอบข้อมูล แต่ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 0.05 ดอลลาร์ โบรดี้ยังกล่าวถึงโครงการอื่นๆ ที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีการพิสูจน์ความรู้ศูนย์กลาง (ZK-Proof) เช่น อัซเทค(Aztec), โคตี้เน็ตเวิร์ก(COTI Network) และ มีเดน(Miden) ซึ่งขณะนี้เริ่มเข้าถึงระดับที่สามารถนำไปใช้งานจริงได้แล้ว
โบรดี้เน้นว่า ‘ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ได้จำกัดเพียงการลดต้นทุนเท่านั้น’ เขาคาดว่า ภายในช่วง 18 ถึง 24 เดือนข้างหน้า โครงสร้างธุรกรรมที่ซับซ้อนก็จะสามารถดำเนินการได้ในต้นทุนที่เหมาะสมกับธุรกรรมจำนวนมาก พร้อมเสริมว่า *เทคโนโลยีความเป็นส่วนตัวจะไม่ใช่เครื่องมือเพื่อหลีกเลี่ยงกฎระเบียบ แต่จะกลายเป็นเครื่องมือสร้างการแข่งขันอย่างเป็นธรรม*
สิ่งที่โบรดี้ย้ำเป็นพิเศษคือ ความแตกต่างระหว่าง ‘ความเป็นส่วนตัว’ กับ ‘การไม่เปิดเผยตัวตน’ โดยเขามองว่าเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ได้หมายถึงการ ‘ปิดบังตัวตนผู้ใช้งาน’ อย่างสิ้นเชิง แต่เน้นที่การปกป้องข้อมูลขององค์กรและการรักษาความได้เปรียบทางธุรกิจ
ภาพใหญ่ของเทรนด์นี้ยังสอดคล้องกับไทม์ไลน์ของ วีทาลิก บูเตอริน ผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม ซึ่งวางแผนจะแบ่งปันเทคโนโลยีความเป็นส่วนตัวไปทั้งบนเลเยอร์ 1 และ เลเยอร์ 2 โดยในแผนที่เผยแพร่เมื่อเดือนเมษายน 2025 เขาได้ระบุถึงแนวทางสำคัญที่จะทำให้ความเป็นส่วนตัวกลายเป็นหนึ่งในเสาหลักของระบบนิเวศอีเธอเรียม
ปัจจุบัน แพลตฟอร์มอย่างไนท์ฟอลล์และอัซเทค กำลังทดสอบระบบในเครือข่ายทดลอง (Testnet) โดยโบรดี้ระบุว่า *ปี 2026 จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ผู้บริโภคและธุรกิจจะเริ่มใช้ฟีเจอร์ด้านความเป็นส่วนตัวอย่างเต็มรูปแบบ* และตั้งเป้าว่าอีเธอเรียมจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่สร้าง ‘ความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริงบนเครือข่ายสาธารณะ’
*ความคิดเห็น:* การเปลี่ยนผ่านสู่ภาวะแวดล้อมที่ให้ความเคารพต่อ ‘ข้อมูล’ และ ‘การแข่งขันที่ยุติธรรม’ แสดงถึงจุดยืนใหม่ของอีเธอเรียม ท่ามกลางการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมกฎระเบียบระดับโลก
ความคิดเห็น 0