รัฐนิวแฮมป์เชียร์ของสหรัฐฯ อนุมัติการออกพันธบัตรท้องถิ่นวงเงิน 1 ร้อยล้านดอลลาร์ โดยใช้บิตคอยน์(BTC) เป็นหลักประกัน ถือเป็นโครงการแรกในระดับรัฐที่นำโครงสร้างการเงินแบบดั้งเดิมมาผสมผสานกับคริปโตเคอร์เรนซี สร้างความสนใจในฐานะสะพานเชื่อมระหว่างสองโลก
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและการเงินของรัฐนิวแฮมป์เชียร์(BFA) ได้มีมติรับรองการออกพันธบัตรในโครงการชื่อว่า ‘ดิจิทัลเคอร์เรนซีเพื่อการจัดเก็บและถือครอง’ ซึ่งมีมูลค่าสูงสุด 1 ร้อยล้านดอลลาร์ ตามบันทึกการประชุมของคณะกรรมการ โครงการถูกดำเนินการต่อในวันถัดมา โดยอนุมัติให้ออกพันธบัตรรายได้ที่ต้องเสียภาษีผ่าน WaveRose Depositor, LLC ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน
พันธบัตรชุดดังกล่าวจะออกโดยความร่วมมือจากบริษัทจัดการสินทรัพย์ภาคเอกชน ตามรายงานของแพลตฟอร์มการลงทุน Crypto in America ระบุว่า พันธบัตรนี้จะใช้ ‘บิตคอยน์ที่มีมูลค่าสูงกว่ายอดที่ค้ำประกัน’ ซึ่งจัดเก็บไว้กับผู้ดูแลสินทรัพย์ภาคเอกชน และออกพันธบัตรโดยมีบิตคอยน์เป็นหลักประกัน การออกและการบริหารพันธบัตร รวมถึงความเสี่ยง อยู่ในความรับผิดชอบของภาคเอกชน ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นและผู้เสียภาษีไม่ได้มีภาระผูกพันทางการเงินแต่อย่างใด ทั้งนี้ บิตคอยน์ที่ใช้ค้ำประกันจะถูกจัดการโดยบริษัทให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล บิทโก(BitGo)
โครงสร้างของพันธบัตรดังกล่าวถูกออกแบบโดยบริษัทเวฟ ดิจิทัล แอสเสท(Wave Digital Assets) ร่วมกับบริษัทจัดการกองทุนผู้เชี่ยวชาญด้านพันธบัตร โรสเมอร์ แมเนจเมนต์(Rosemawr Management) โดย เลส โบไซ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งเวฟ ระบุว่า “เป้าหมายคือการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างพันธบัตรอัตราดอกเบี้ยคงที่แบบดั้งเดิมกับสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อเปิดโอกาสใหม่ให้แก่นักลงทุนสถาบัน”
พันธบัตรนี้ถูกมองว่าเป็นผลิตภัณฑ์การเงินสาธารณะแรกในสหรัฐฯ ที่อิงกับคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งแตกต่างจากโครงการเอกชนทั่วไป เนื่องจากอยู่ภายใต้กรอบที่หน่วยงานกำกับดูแลยอมรับ ความเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงถูกจับตามองว่าเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันบิตคอยน์เข้าสู่ระบบการเงินแบบดั้งเดิม และอาจจุดประกายองค์กรหรือรัฐอื่น นำโมเดลเดียวกันไปปรับใช้ในอนาคต
ความคิดเห็น 0