10 ธนาคารยักษ์ยุโรปเปิดตัว 'คิวาวาลิส(Qivalis)' สเตเบิลคอยน์ยูโร ตั้งเป้าครึ่งหลังปี 2026

ธนาคารรายใหญ่ของยุโรป 10 แห่ง เตรียมเปิดตัว ‘คิวาวาลิส(Qivalis)’ เหรียญสเตเบิลคอยน์ที่ผูกค่าไว้กับเงินยูโร ผ่านบริษัทที่จดทะเบียนกับธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์ โดยมีแผนเปิดใช้งานในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า เป็นความเคลื่อนไหวที่มุ่งสร้าง ‘อธิปไตยทางการเงิน’ ของยุโรป ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายด้านสเตเบิลคอยน์ของสหรัฐ ที่เริ่มชัดเจนมากขึ้น

เมื่อวันที่ 9 สำนักข่าวท้องถิ่นรายงานว่า ธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส(BNP Paribas) จากฝรั่งเศส ได้ประกาศว่า กำลังร่วมมือกับธนาคารยุโรปอีก 9 แห่ง เพื่อเตรียมออกเหรียญสเตเบิลคอยน์ที่อิงค่าเงินยูโรผ่านบริษัทชื่อ ‘คิวาวาลิส’ ซึ่งตั้งอยู่ที่อัมสเตอร์ดัม โดยบริษัทใหม่นี้จะดำเนินการตามกรอบกฎหมายกำกับคริปโตของสหภาพยุโรป หรือกฎหมาย MiCA และตั้งเป้าเปิดตัวโทเคนในครึ่งหลังของปี 2026 ภายใต้เงื่อนไขว่าจะได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลเสียก่อน

ยาน โอลิเวอร์ เซล ซีอีโอของคิวาวาลิส กล่าวว่า "สเตเบิลคอยน์ที่ใช้ยูโรไม่ใช่แค่เรื่องความสะดวกในยุคดิจิทัล แต่เป็นเรื่องของ ‘ความเป็นอิสระทางการเงิน’ ที่แท้จริง" พร้อมระบุว่า กลุ่มธุรกิจและผู้บริโภคในยุโรปจะสามารถชำระเงินผ่านบล็อกเชน และเข้าถึงตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยสกุลเงินท้องถิ่นของตนเองได้โดยตรง

ในขณะเดียวกัน สหรัฐก็เริ่มขับเคลื่อนด้านกฎหมายเกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์อย่างจริงจัง โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามรับรองร่างกฎหมาย ‘GENIUS’ ที่วางโครงสร้างด้านการใช้สเตเบิลคอยน์ในการชำระเงิน จุดประกายการจัดระเบียบตลาดคริปโตในฝั่งตะวันตก

ด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) เฝ้าจับตาการเติบโตของสเตเบิลคอยน์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพเชิงนโยบายการเงิน โดยโอเลฟ สเลย์เพิน ผู้ว่าการธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์แสดงความกังวลว่า การขยายตัวของตลาดดังกล่าวอาจกลายเป็นความเสี่ยงระดับนโยบาย ขณะที่รายงานฉบับหนึ่งของ ECB เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ได้ประเมินว่าความเสี่ยงจากสเตเบิลคอยน์ยังอยู่ในระดับจำกัด แต่เติบโตเร็วเกินกว่าจะมองข้าม

ข้อมูลเดือนกรกฎาคม 2024 ระบุว่า มูลค่าตลาดรวมของเหรียญสเตเบิลคอยน์ที่อิงกับยูโรมีอยู่เพียงประมาณ 350 ล้านยูโร (ราว 5,143 ล้านบาท) หรือคิดเป็นไม่ถึง 1% ของตลาดสเตเบิลคอยน์ทั่วโลก ตามการเปิดเผยของเยอร์เก้น ชาฟ ที่ปรึกษาอาวุโสของ ECB

ทั้งนี้ โครงการสกุลเงินยูโรดิจิทัลก่อนหน้าอย่าง ‘EURt’ จากบริษัทเทเธอร์ ซึ่งเคยเป็นผู้ออกสเตเบิลคอยน์รายใหญ่ ก็ได้หยุดให้บริการไปเมื่อปลายปีที่แล้ว เนื่องจากข้อจำกัดจากกฎหมาย MiCA ที่เข้มงวด โดยเปาโล อาร์โดอิโน ซีอีโอของเทเธอร์ เคยกล่าวว่า กฎหมาย MiCA ของยุโรปอาจสร้าง ‘ความเสี่ยงเชิงระบบ’ ต่อโครงสร้างของสเตเบิลคอยน์โดยรวม

การเปิดตัวของ ‘คิวาวาลิส’ จึงอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของภูมิทัศน์สเตเบิลคอยน์ในยุโรป ว่าในอนาคตจะสามารถลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ และสร้างพื้นที่ทางเศรษฐกิจดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยเงินยูโรได้จริงหรือไม่ ความสามารถในการผสมผสานกับโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงิน และความเข้ากันได้กับเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) ก็จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาในระยะยาว

‘ความคิดเห็น’: หากยุโรปสามารถผลักดันคิวาวาลิสให้เป็นสเตเบิลคอยน์หลักในภูมิภาคได้สำเร็จ ก็อาจกลายเป็นแบบอย่างให้ชาติอื่นพัฒนาโทเคนท้องถิ่น เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินและลดการผูกขาดของเงินดอลลาร์ในตลาดคริปโต