บริษัทวิจัย Trend Research สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการคริปโตอีกครั้ง หลังมีรายงานว่าได้ซื้ออีเธอเรียม(ETH) เพิ่มอีก 46,379 เหรียญเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดถือรวมแตะเกือบ 580,000 ETH ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมากกว่าการถือครองของบริษัทที่เปิดเผยข้อมูลกันในเว็บไซต์ติดตามสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง CoinGecko ส่วนบริษัทที่ถือครอง ETH มากกว่าคือ SharpLink Gaming และ BitMine Immersion Technologies โดยถืออยู่ที่ 859,853 และ 4,066,062 ETH ตามลำดับ
แม้ว่า Trend Research จะไม่ได้เป็นบริษัทมหาชน จึงไม่มีรายชื่ออยู่ในตารางการเงินของ ETH อย่างเป็นทางการ แต่การสะสม ETH อย่างรวดเร็วก็กำลังดึงดูดความสนใจในวงการ โดยบริษัทนี้มีความเชื่อมโยงกับ Jack Yi ผู้ก่อตั้ง LD Capital ซึ่งตามบันทึกบนบล็อกเชนเขาเริ่มซื้อ ETH ครั้งใหญ่ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา Yi ได้โพสต์ใน X (แพลตฟอร์มเดิมคือ Twitter) ว่ากำลังเตรียมเข้าซื้อ ETH เพิ่มอีกกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ พร้อมเตือนเทรดเดอร์ไม่ให้เปิด 'ชอร์ตโพซิชัน' กับ ETH ในช่วงนี้
*ความคิดเห็น* การเคลื่อนไหวของ Trend Research ร่วมกับ BitMine และ SharpLink ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้ม 'การกระจุกตัวของ ETH' ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความสมดุลของตลาดที่ยังคงอ่อนไหว
ทางด้าน Lacie Zhang นักวิเคราะห์จาก Bitget Wallet ให้ความเห็นว่า บริษัทต่างๆ กำลังพยายามเปลี่ยน ETH จากสินทรัพย์ที่เคยถือเฉยๆ ให้กลายเป็น ‘โครงสร้างพื้นฐานที่สามารถสร้างรายได้’ โดยไม่เหมือนกับนักลงทุนทั่วไปที่ซื้อเมื่อราคาตก แต่เป็นการยึดอำนาจในเครือข่ายผ่านการสะสมในเชิงกลยุทธ์
หนึ่งในบริษัทที่โดดเด่นคือ BitMine ซึ่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเพิ่งประกาศว่าการถือครอง ETH ของบริษัทพุ่งเกิน 4 ล้านเหรียญ คิดเป็นมากกว่า 3.3% ของจำนวนเหรียญที่มีอยู่ในตลาด และกำลังกลายเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ถือ ETH มากที่สุด BitMine วางเป้าหมายถือครองให้ได้ถึง 5% ของอุปทานทั้งหมด และนำไปใช้สเตกผ่านเครือข่าย ‘Made in America’ ที่เน้นความมั่นคงและสร้างผลตอบแทนในระยะยาวตามทิศทางของอีเธอเรียม
Zhang เสริมว่านี่เป็นกลยุทธ์ในการลดต้นทุนเฉลี่ย และเพิ่มอิทธิพลของ BitMine ในระบบเครือข่ายอีเธอเรียม ซึ่งใช้กลไกฉันทามติแบบ "Proof of Stake"
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกบริษัทที่จะสะสม ETH ต่อเนื่อง ETHZilla บริษัทที่มีแนวทางการบริหารสินทรัพย์เป็นของตัวเองเพิ่งขายอีเธอเรียมไป 24,291 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 74.5 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำเงินไปใช้คืนหุ้นกู้แปลงสภาพอาวุโส ส่วน FG Nexus ก็เลือกขาย ETH เพื่อนำไปใช้ในโครงการซื้อหุ้นคืนของบริษัท
Zhang สรุปว่า การขายของบริษัทเหล่านี้ไม่ใช่สัญญาณลบ แต่เป็นแค่กลยุทธ์ทางการเงินที่เน้นการจัดการหนี้และเพิ่มมูลค่าหุ้น ซึ่งจะทำให้สินทรัพย์สามารถย้ายจาก 'สถาบันที่อ่อนแอ' ไปสู่ 'สถาบันที่แข็งแกร่ง' แสดงถึงการเปลี่ยนมือของอำนาจบนเครือข่ายอย่างชัดเจน
*คำสำคัญ*: อีเธอเรียม(ETH), BitMine, Trend Research, การสะสม ETH, การสเตก, PoS
ความคิดเห็น 0