บิตคอยน์(BTC) ร่วงแตะ 76,700 ดอลลาร์ แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้อาจถึงจุดต่ำสุดแล้ว

บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงแตะระดับ 76,700 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน การลดลงครั้งนี้ได้รับอิทธิพลจากดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวลง 6% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในตลาดมองว่า มีสัญญาณบ่งชี้ว่าราคาบิตคอยน์อาจแตะ ‘จุดต่ำสุด’ แล้ว

แม้ว่านักวิเคราะห์บางรายจะมองว่านี่เป็นสัญญาณของตลาดขาลงที่เริ่มต้นขึ้น แต่ลักษณะของการปรับฐานครั้งนี้แตกต่างจากช่วงร่วงหนักเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 ซึ่งบิตคอยน์ร่วงจาก 69,000 ดอลลาร์เหลือเพียง 40,560 ดอลลาร์ หรือราว 41% ภายในระยะเวลาเพียง 60 วัน หากเหตุการณ์คล้ายกันเกิดขึ้นอีก ราคาบิตคอยน์อาจลดลงแตะ 64,400 ดอลลาร์ภายในสิ้นเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม แรงกดดันรอบนี้ดูจะไม่รุนแรงเท่าครั้งก่อน

อีกหนึ่งปัจจัยที่แตกต่างจากช่วงปลายปี 2021 คือ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) กำลังอ่อนค่าลง ขณะที่ในปี 2021 ดัชนีดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 92.4 จุดในเดือนกันยายน ไปแตะ 96 จุดในเดือนธันวาคม แต่ปีนี้ DXY เริ่มต้นที่ 109.2 จุดเมื่อต้นปีและลดลงเหลือเพียง 104 จุดในปัจจุบัน ตามปกติแล้ว บิตคอยน์มีความสัมพันธ์กลับทิศทางกับค่าเงินดอลลาร์ ดังนั้นการอ่อนค่าของดอลลาร์อาจเป็น ‘สัญญาณบวก’ สำหรับบิตคอยน์

ส่วนตลาดตราสารอนุพันธ์ก็บ่งชี้ถึงเสถียรภาพของบิตคอยน์เช่นกัน อัตราผลตอบแทนประจำปีของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าบิตคอยน์ยังคงอยู่ที่ระดับ 4.5% และในช่วงที่ราคาลดลง 19% ระหว่างวันที่ 2-11 มีนาคม ก็ยังไม่พบแรงขายตื่นตระหนกในขนาดใหญ่ ซึ่งแตกต่างจากช่วงตลาดขาลงก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในสหรัฐฯที่ปรับตัวลงแรงก็กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวม หุ้นใหญ่อย่าง เทสลา, เอ็นวิเดีย, แบล็กสโตน และ TSM ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุด 25-54% อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความผันผวนนี้ บิตคอยน์กลับยังสามารถรักษาเสถียรภาพของตนได้

นอกจากนี้ ประเด็นความขัดแย้งเรื่องเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ กำลังถูกจับตามอง หากสภาคองเกรสไม่สามารถอนุมัติงบประมาณได้ภายในวันที่ 15 มีนาคม อาจเกิดภาวะ ‘ชัตดาวน์รัฐบาล’ อย่างไรก็ตาม ความเห็นภายในพรรครีพับลิกันเองก็ยังไม่เป็นเอกฉันท์ ทำให้สถานการณ์ยังไม่แน่นอน ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าหากปัญหานี้ได้รับการคลี่คลาย อาจช่วยกระตุ้นให้สินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงบิตคอยน์ได้รับแรงหนุน

อีกปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังคือแนวโน้มของตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ ซึ่งแสดงสัญญาณไม่มั่นคง ยอดสัญญาซื้อบ้านในเดือนมกราคมทำสถิติต่ำสุดในประวัติศาสตร์ และมากกว่า 7% ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ออกโดยสำนักงานที่อยู่อาศัยแห่งชาติสหรัฐฯ (FHA) มีการค้างชำระเกิน 90 วัน นี่อาจเป็นปัจจัยสร้างความปั่นป่วนต่อภาวะตลาดมากกว่าช่วงวิกฤติการเงินปี 2008 ซึ่งอาจส่งผลให้บิตคอยน์ถูกมองว่าเป็น ‘สินทรัพย์ปลอดภัย’

โดยสรุป ปัจจัยสำคัญต่าง ๆ รวมถึงการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์สหรัฐ, รูปแบบการปรับฐานทางประวัติศาสตร์, ความเสถียรของตลาดตราสารอนุพันธ์, ประเด็นเพดานหนี้ และความผันผวนในตลาดอสังหา ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ส่งเสริม ‘โอกาสฟื้นตัว’ ของบิตคอยน์ นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าหากแนวโน้มเป็นไปตามคาด ราคาบิตคอยน์อาจพุ่งกลับไปที่ 90,000 ดอลลาร์ได้ในอนาคต