บูลสกอร์บิตคอยน์(BTC) ร่วงต่ำสุดในรอบ 2 ปี เสี่ยงเผชิญแรงขายเพิ่ม

มีการวิเคราะห์ว่า ‘บิตคอยน์(BTC)’ อาจมีโอกาสปรับตัวลดลงมากขึ้น เนื่องจากสัญญาณทางเทคนิคแสดงแนวโน้มขาลง ประกอบกับความเชื่อมั่นของตลาดที่ลดลง

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม บิตคอยน์พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 87,000 ดอลลาร์ ก่อนจะเผชิญแรงเทขายและปรับตัวลงมาอยู่ที่ประมาณ 84,000 ดอลลาร์ คิดเป็นการลดลงราว 2% ในระยะสั้น ซึ่งทำให้ตลาดเกิดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มขาลงที่อาจเกิดขึ้น

รายงานล่าสุดจาก ‘คริปโตควอนต์(CryptoQuant)’ เผยว่า ดัชนี ‘บูลสกอร์(Bull Score)’ ของบิตคอยน์ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 20 ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี บูลสกอร์เป็นตัวชี้วัดที่อิงจาก 10 ปัจจัยหลัก เช่น กิจกรรมเครือข่ายบิตคอยน์ ผลตอบแทนของนักลงทุน และสภาพคล่องของตลาด โดยทั่วไป หากค่าดัชนีสูงกว่า 60 จะบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้น ขณะที่ค่าต่ำกว่า 40 เป็นสัญญาณของแนวโน้มขาลง รายงานระบุว่า “หากบูลสกอร์อยู่ต่ำกว่า 40 เป็นเวลานาน บิตคอยน์อาจเผชิญการปรับฐานเพิ่มเติม”

ด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิค พบว่าบิตคอยน์กำลังสร้างรูปแบบ ‘แบร์แฟลก(Bear Flag)’ ซึ่งเป็นสัญญาณของตลาดขาลง หลังจากที่บิตคอยน์ร่วงลงจาก 109,000 ดอลลาร์สู่ระดับ 76,600 ดอลลาร์ ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม ล่าสุด บิตคอยน์เคลื่อนตัวในกรอบแคบ หากราคาหลุดจากแนวรับล่างของรูปแบบนี้ อาจมีโอกาสร่วงลงไปที่ระดับ 60,000 ดอลลาร์

ผู้เชี่ยวชาญในตลาดคริปโตยังคงจับตาดูแนวโน้มดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ‘อัลฟ่าบิตคอยน์(AlphaBTC)’ วิเคราะห์ว่า หากบิตคอยน์หลุดแนวรับ 83,630 ดอลลาร์ ราคาอาจถอยลงไปที่ 75,000 ดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีแนวโน้มขาลงในระยะสั้น แต่กลุ่มนักลงทุนบางส่วนยังคงคาดหวังว่าบิตคอยน์จะปรับตัวขึ้นในระยะยาว ปัจจัยสำคัญที่อาจขับเคลื่อนแนวโน้มขาขึ้น ได้แก่ ‘การลดลงของรางวัลบล็อก(Halving)’ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของการลงทุนจากสถาบัน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงเห็นว่าความเป็นไปได้ของการปรับฐานเพิ่มเติมในระยะสั้นนั้นยังคงสูงอยู่