แนวโน้มสำคัญใน ‘บิตคอยน์(BTC)’ กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยมีการวิเคราะห์ว่าหลายกระแสที่เคยได้รับความสนใจอย่างมาก เช่น NFT, เลเยอร์ 2 และการรีสเตก กำลังค่อยๆ ถูกตลาดละเลยมากขึ้น
ในการให้สัมภาษณ์กับ ‘คอยน์เทเลกราฟ’ ชาร์ลี ฮู(Charlie Hu) ผู้ร่วมก่อตั้ง ‘บิตเลเยอร์(Bitlayer)’ ได้ระบุถึง 3 กระแสของบิตคอยน์ที่ถูกประเมินค่าสูงเกินไป ได้แก่ NFT ที่ใช้ Ordinals, เลเยอร์ 2 ของบิตคอยน์ และแนวคิดรีสเตก
ตลาด NFT ของบิตคอยน์ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยข้อมูลจาก ‘คริปโตสแลม(CryptoSlam)’ แสดงให้เห็นว่าปริมาณการซื้อขาย NFT ของบิตคอยน์ในไตรมาสแรกของปี 2024 อยู่ที่ 1.4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 51,000 ล้านบาท) แต่ในช่วงเดียวกันของปี 2025 ลดลงเหลือเพียง 280 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 10,200 ล้านบาท) หรือร่วงลงกว่า 80% ฮูชี้ว่า "ยุคที่ตลาด NFT เติบโตขึ้น 1,000 เท่าได้จบลงแล้ว"
ในส่วนของเลเยอร์ 2 ของบิตคอยน์ก็เริ่มเผชิญกับความเย็นชาของตลาดเช่นกัน โดยฮูระบุว่า เมื่อต้นปี 2024 ยังคงมีโครงการเลเยอร์ 2 กว่า 80 โครงการที่แข่งขันกันเพื่อดึงดูดเงินลงทุนจากนักลงทุน VC แต่ขณะนี้ความสนใจกลับลดลง มูนิบ อาลี(Muneeb Ali) ผู้ร่วมก่อตั้ง ‘สแต็กส์(Stacks)’ เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ โดยกล่าวว่า "ช่วงฮันนีมูนของบิตคอยน์เลเยอร์ 2 ได้จบลงแล้ว และถึงเวลาโฟกัสกับการเติบโตที่ยั่งยืน"
ขณะที่การรีสเตกของบิตคอยน์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ฮูเปิดเผยว่า แม้ในปี 2024 แนวคิดนี้จะได้รับความนิยม แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 2-3 โครงการที่ยังคงอยู่ในตลาด
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกประเด็นที่ถูกลืม ฮูเชื่อว่า “เลเยอร์ 2 ไม่ใช่เพียงแค่กระแส แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของระบบการเงินไร้ศูนย์กลาง (DeFi)” พร้อมเสริมว่าบรรดานักลงทุนรายใหญ่และสถาบันกำลังหาวิธีใช้ประโยชน์จากเลเยอร์ 2 เพื่อสร้างโอกาสรายได้ใหม่ๆ
โดมินิก ฮาร์ตซ์(Dominik Harz) ผู้ร่วมก่อตั้ง ‘บิลด์ ออน บิตคอยน์(BOB)’ ก็มีมุมมองคล้ายกัน โดยเขาชี้ว่า ปัจจุบันมีเพียง 0.3% ของมูลค่าตลาดบิตคอยน์ที่ถูกนำมาใช้ใน DeFi เมื่อเทียบกับ 30% ของ ‘อีเธอเรียม(ETH)’ ซึ่งยังมีช่องว่างถึง 100 เท่า แต่หาก DeFi บนบิตคอยน์เติบโต เขาเชื่อว่า “ความแตกต่างนี้จะลดลงอย่างรวดเร็ว”
แม็กซ์ ซานเชซ(Max Sanchez) CTO ของ ‘เฮมี แล็บส์(Hemi Labs)’ เห็นว่าบิตคอยน์เลเยอร์ 2 ไม่ได้เสื่อมถอย แต่กำลังอยู่ระหว่าง ‘การเติบโตสู่ความเป็นผู้ใหญ่’ โดยเขาย้ำว่าการพัฒนาเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับระบบของบิตคอยน์เป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ เขายังเห็นว่าการละเลย ‘ความสามารถในการทำงานร่วมกัน’ กับโปรโตคอลของอีเธอเรียมเป็นเรื่องที่ไม่มีประสิทธิภาพ และเรียกร้องให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีครอสเชน
โดยรวมแล้ว ระบบนิเวศของบิตคอยน์กำลังก้าวข้ามช่วงเวลาของกระแสสั้นๆ ไปสู่การพัฒนาที่มั่นคงมากขึ้น แม้ว่าความนิยมใน NFT, เลเยอร์ 2 และรีสเตกจะลดลง แต่วงการยังมีโอกาสเติบโตระยะยาวอยู่ พร้อมความสนใจในแนวทางใหม่ๆ ที่อาจเข้ามาแทนที่
ความคิดเห็น 0