ความตึงเครียดทางการค้าทั่วโลกและความผันผวนของตลาดการเงินที่เพิ่มขึ้นทำให้นักลงทุนคริปโตเริ่มมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น โดยมีสัญญาณว่าแรงเก็งกำไรในตลาดบิตคอยน์(BTC) กำลังลดลง สะท้อนผ่านตัวชี้วัด ‘Hot Supply’ ที่ปรับลดลงอย่างชัดเจน
ตามรายงานของ Glassnode บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชน เมื่อวันที่ 20 มีนาคม อัตราส่วนของบิตคอยน์ที่ถือครองต่ำกว่า 1 สัปดาห์ หรือ ‘Hot Supply’ ลดลงจาก 5.9% ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เหลือเพียง 2.3% ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนระยะสั้นมีจำนวนลดลง ในขณะที่นักลงทุนระยะยาวกำลังเพิ่มขึ้น Ryan Lee หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Bitget Research ระบุว่าสิ่งนี้อาจเป็นสัญญาณว่าตลาดบิตคอยน์กำลังก้าวไปสู่ความมีเสถียรภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ อัตราส่วนอุปทานของสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin Supply Ratio, SSR) ก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยดัชนี SSR ซึ่งวัดสภาพคล่องของสเตเบิลคอยน์เทียบกับมูลค่าตลาดของบิตคอยน์ ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 8 ในช่วงกลางเดือนมีนาคม ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนยังคงระมัดระวังในการเข้าสู่ตลาดบิตคอยน์
สภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปนี้มีความเชื่อมโยงกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในระดับมหภาค Enmanuel Cardozo นักวิเคราะห์ตลาดจาก Brickken กล่าวว่า “ตลาดหุ้นสหรัฐมักเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดแนวโน้มของสินทรัพย์เสี่ยง เช่น คริปโต และในขณะนี้ การปรับฐานของตลาดไม่ได้เป็นสิ่งผิดปกติ ตรงกันข้าม มันอาจเป็นขั้นตอนหนึ่งของการเติบโตที่มั่นคงขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองระยะยาว บิตคอยน์ยังคงมีอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าสินทรัพย์ระดับโลกประเภทอื่น ๆ งานวิจัยล่าสุดเผยว่าตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง บิตคอยน์สามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าหุ้น พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ และทองคำ ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ นักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ว่า ราคาบิตคอยน์อาจพุ่งขึ้นไปถึงระดับ 160,000-180,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.8-6.5 ล้านบาท) ภายในสิ้นปีนี้
แม้ว่าตลาดจะมีแนวโน้มชะลอตัวในระยะสั้น แต่มุมมองในระยะยาวยังคงชี้ว่าบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพและยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็น 0