ประธานาธิบดีทรัมป์มีคำสั่ง *อภัยโทษ* ต่อผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์มเทรดคริปโตชื่อดังอย่างบิตเม็กซ์(BitMEX) ทั้ง 3 ราย ได้แก่ อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes), เบนจามิน เดโล(Benjamin Delo) และแซมมวล รีด(Samuel Reed) แม้ทั้งหมดเคยยอมรับสารภาพผิดในคดีละเมิดกฎหมายป้องกันการฟอกเงินและฝ่าฝืนกฎหมายความลับของธนาคารก็ตาม โดยคำสั่งอภัยโทษดังกล่าวมีผลเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ตามรายงานของ CNBC
ก่อนหน้านี้ในปี 2022 เฮย์สและเดโลได้ตกลงกับกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ พร้อมชำระค่าปรับรายละ 10 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 146 ล้านบาท ส่วนรีดก็ถูกสั่งจ่ายค่าปรับในจำนวนเท่ากันเมื่อเดือนพฤษภาคมของปีเดียวกัน ด้านบิตเม็กซ์เองก็เคยต้องจ่ายค่าปรับรวม 100 ล้านดอลลาร์ให้กับสำนักงานคณะกรรมการซื้อขายล่วงหน้าแห่งสหรัฐ (CFTC) และสำนักงานเฝ้าระวังอาชญากรรมทางการเงิน (FinCEN) เมื่อปี 2021 เพื่อให้ยุติการดำเนินคดีในข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการโดยไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎหมาย
เบนจามิน เดโล ออกแถลงการณ์แสดงความพอใจต่อ *อภัยโทษโดยสมบูรณ์และไม่มีเงื่อนไข* ของประธานาธิบดี โดยกล่าวว่าเป็นการยืนยันความถูกต้องของจุดยืนที่เขาและเพื่อนร่วมก่อตั้งยึดมั่นมาตลอด พร้อมระบุว่า “บิตเม็กซ์ถูกลงโทษอย่างไม่ยุติธรรมจากกฎหมายคร่ำครึและไม่ชัดเจน และได้ตกเป็นเหยื่อของเป้าหมายทางการเมือง” เขายังเตือนถึงปัญหาการขาดแนวทางที่ชัดเจนจากภาครัฐ ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรมคริปโตทั่วโลก
การอภัยโทษครั้งนี้สะท้อนความตั้งใจของทรัมป์ในการผลักดันนโยบาย *หนุนอุตสาหกรรมคริปโต* อย่างชัดเจน โดยก่อนหน้านี้เขายังเคยอภัยโทษให้กับรอส อูลบริชท์(Ross Ulbricht) ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ตลาดมืด ‘ซิลค์โร้ด(Silk Road)’ ซึ่งเป็นประเด็นที่ถกเถียงอย่างมากในเวลานั้น โดยทรัมป์เคยวิจารณ์เจ้าหน้าที่ทางกฎหมายที่มีบทบาทในการพิพากษาว่า “ใช้อำนาจของรัฐเป็นอาวุธทางการเมือง”
ด้านแซม แบงก์แมน-ฟรีด(Sam Bankman-Fried) ผู้ก่อตั้ง FTX ที่ยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ของตนนั้น ก็มีรายงานว่าติดตามสถานการณ์อภัยโทษครั้งนี้อย่างใกล้ชิด โดยหวังว่าอาจจะมีโอกาสได้รับการพิจารณาในลักษณะเดียวกัน ขณะเดียวกัน ชุมชนในวงการคริปโตบางส่วนเริ่มเรียกร้องให้มีการอภัยโทษต่อจางเผิงเจา(CZ) อดีตซีอีโอของไบแนนซ์(Binance) ซึ่งก็ยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรมในสหรัฐ
*ความคิดเห็น*: คำสั่งดังกล่าวของทรัมป์อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนเชิงสัญลักษณ์ที่สำคัญในเส้นทางนโยบายด้านคริปโตของสหรัฐ โดยไม่เพียงตีความได้ว่าเป็นท่าที 'โปรคริปโต' เท่านั้น แต่ยังส่งผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อบุคคลสำคัญในวงการเช่นกัน
การอภัยโทษให้กับกลุ่มผู้ก่อตั้งบิตเม็กซ์ในครั้งนี้จึงอาจกลายเป็นบทสำคัญอีกบทในแนวทางกำกับดูแลคริปโตของสหรัฐในอนาคต ทั้งในแง่ของความชัดเจนของข้อกฎหมาย การบริหารความเสี่ยง และการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สหรัฐและอุตสาหกรรมคริปโตทั่วโลกกำลังจับตาท่าทีจากทำเนียบขาวอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0