Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

เกาหลีเหนือขโมยคริปโตแล้วกว่า 4.2 แสนล้านบาท – กลุ่มแฮกเกอร์เพิ่มขึ้น-เทคนิคซับซ้อนขึ้น

Tue, 01 Apr 2025, 05:17 am UTC

การวิเคราะห์ล่าสุดชี้ว่า การโจมตีทางไซเบอร์จากเกาหลีเหนือในวงการ *คริปโตเคอร์เรนซี* มีความซับซ้อนมากขึ้น และจำนวนกลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้องก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อวันที่ 27 บริษัทลงทุนด้านคริปโตเคอร์เรนซี *แพราไดม์(Paradigm)* เปิดเผยรายงานชื่อ “Demystifying the North Korean Threat” หรือ “ถอดรหัสภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ” โดยระบุว่า การแฮกของเกาหลีเหนือไม่ได้จำกัดเพียงแค่การเจาะระบบเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการทาง *วิศวกรรมสังคม*, การหลอกลวงผ่านอีเมลฟิชชิ่ง และการแทรกแซงห่วงโซ่อุปทานของเทคโนโลยีเพื่อโจมตีบริษัทในระบบ *คริปโต* ทั่วโลก บางกรณีมีการวางแผนล่วงหน้านานถึงหนึ่งปี

ข้อมูลจากสหประชาชาติระบุว่า ตั้งแต่ปี 2017 ถึง 2023 เกาหลีเหนือสามารถขโมยสินทรัพย์ดิจิทัลไปได้กว่า *3 พันล้านดอลลาร์* (ประมาณ 4.38 แสนล้านบาท) และในปี 2024 เพียงปีเดียว กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือสามารถขโมยได้มากถึง *1.7 พันล้านดอลลาร์* (ประมาณ 2.48 ล้านล้านบาท) จากการโจมตีแพลตฟอร์มอย่าง *วาซิรแร็กซ์(WazirX)* และ *ไบบิต(Bybit)* ความเสียหายในระดับนี้ส่งผลให้ตลาดคริปโตทั่วโลกกลับมาระแวดระวังภัยไซเบอร์อีกครั้ง

แพราไดม์ยังเปิดเผยว่า เกาหลีเหนือควบคุมกลุ่มโจมตีไซเบอร์อย่างน้อย *5 กลุ่ม* ทั้งที่มีโครงสร้างอิสระต่อกัน ได้แก่ ลาซารัสกรุ๊ป(Lazarus Group), สปินเอาท์(Spinout), แอปเปิลจิอุส(AppleJeus), เดนเจอรัส พาสเวิร์ด(Dangerous Password) และ เทรเทอร์เทรดเดอร์(TraitorTrader) พฤติกรรมของกลุ่มเหล่านี้ยังรวมถึงการแทรกแซงเข้าไปเป็น *บุคลากรด้าน IT* ของบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก เพื่อสอดแนมภายในและเพิ่มโอกาสแฮกระบบได้จากภายในองค์กร

ในจำนวนนั้น กลุ่ม *ลาซารัสกรุ๊ป* ถือเป็นชื่อที่คุ้นหูที่สุด โดยเคยมีส่วนร่วมในเหตุการณ์แฮกโซนี่และธนาคารกลางบังกลาเทศเมื่อปี 2016 รวมถึงการแพร่กระจายไวรัสเรียกค่าไถ่ WannaCry 2.0 ปี 2017 โดยเฉพาะในวงการคริปโต กลุ่มนี้ถูกกล่าวหาว่าแฮก *ยูบิท* และ *บิทซัม* ในปี 2017, ทำให้เกิดความเสียหายระดับพันล้านในการโจมตี *โรนินบริดจ์* ปี 2022 และล่าสุดคือการขโมยเงิน *1.5 พันล้านดอลลาร์* (ประมาณ 2.19 ล้านล้านบาท) จาก *ไบบิต* ในปี 2025 นอกจากนี้ ยังมีร่องรอยของการมีส่วนร่วมในโปรเจกต์ *มีมคอยน์* ที่พัฒนาบนบล็อกเชน *โซลานา(SOL)* อีกด้วย

แพราไดม์วิเคราะห์เพิ่มเติมว่า ลาซารัสกรุ๊ปมี *รูปแบบการฟอกเงินที่ชัดเจน* คือการแยกเงินจำนวนมากออกเป็นหลายส่วน ส่งไปยัง *กระเป๋าเงินดิจิทัล* หลายร้อยรายการ จากนั้นแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญที่มีสภาพคล่องสูง และสุดท้ายนำไปแปลงเป็น *บิตคอยน์(BTC)* แล้วถือไว้อย่างเงียบ ๆ จนกว่าความสนใจของสังคมจะคลายตัว วิธีนี้ช่วยให้การติดตามทรัพย์สินยากลำบากมากขึ้น

ปัจจุบัน *สำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐ(FBI)* ได้ระบุบุคคลต้องสงสัย 3 รายที่คาดว่าเป็นสมาชิกของลาซารัสกรุ๊ป และ *กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ* เคยยื่นฟ้อง 2 ใน 3 รายนี้เมื่อปี 2021 จากข้อหาอาชญากรรมไซเบอร์

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ก่อให้เกิดความกังวลในวงกว้าง โดยมีเสียงเรียกร้องให้เกิด *ความร่วมมือด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ในระดับโลก* อย่างเร่งด่วน หากไม่มีการป้องกันที่เข้มงวดมากกว่านี้ ความเสียหายจากการโจมตีในอนาคตอาจขยายวงกว้างและลึกยิ่งขึ้น

‘*การโจมตีของเกาหลีเหนือไม่ใช่เหตุการณ์เฉพาะราย แต่คือความเสี่ยงเรื้อรังที่ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง*’ – ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงไซเบอร์

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1