ท่ามกลางกระแสการลงทุนใน *บิตคอยน์(BTC)* โดยบริษัทชั้นนำทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด *เนต เกราซี(Nate Geraci)* ประธานของบริษัทด้านการลงทุน ETF อย่าง ETF สโตร์(The ETF Store) ออกมาแสดงความกังวลว่าตลาดกำลังก้าวเข้าสู่ภาวะร้อนแรงเกินไป พร้อมวิจารณ์ว่า กลยุทธ์ของหลายบริษัทในการถือครองบิตคอยน์นั้น “ง่ายเกินไป” และเสี่ยงต่อการกลายเป็นเพียงการปั่นมูลค่าทางบัญชี
เกราซีกล่าวว่า แม้จะมองว่าการใช้บิตคอยน์ในการขยายโมเดลธุรกิจหรือปรับโครงสร้างทางการเงินเป็นเรื่องที่ดี แต่บริษัทบางแห่งกลับใช้คริปโตเพียงเพื่อเพิ่มสินทรัพย์ในงบการเงิน หรือกระตุ้นราคาหุ้นเท่านั้น “การถือครอง *บิตคอยน์* โดยไม่มีแผนบริหารความเสี่ยง หรือเป้าหมายระยะยาว มันไม่ต่างจาก *การเล่นแร่แปรธาตุทางการเงิน*” เขากล่าว
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานว่าหลายบริษัททั่วโลกซื้อบิตคอยน์จำนวนมาก ตัวอย่างเช่น กลุ่มบล็อกเชนจากฝรั่งเศสซื้อเพิ่มอีก 116 BTC ขณะที่ *เมตาแพลนเน็ต* จากญี่ปุ่นถือครองถึง 2,205 BTC คิดเป็นมูลค่าราว 1.6 ล้านบาท และ 3,062 ล้านบาทตามลำดับ ส่วน *ฮิลเบิร์ต กรุ๊ป* จากสวีเดนก็ได้จัดสรรเงินลงทุน 200 ล้านโครนา หรือประมาณ 268 ล้านบาทในบิตคอยน์
ในฝั่งเอเชียและประเทศอื่น ๆ ก็มีกรณีคล้ายกัน เช่น กลุ่ม *แอดเดนแท็กซ์(Addentax)* จากจีน ได้เซ็นสัญญาแบบมีเงื่อนไขเพื่อซื้อบิตคอยน์มากถึง 12,000 BTC มูลค่ากว่า 1.8 หมื่นล้านบาท หรือราว 13 พันล้านดอลลาร์ ด้าน *คอยน์ซิลเลียม(Coinsilium)* จากอังกฤษก็กำลังลงทุนผ่านบริษัทในเครือชื่อ *ฟอร์ซา(Forza)* ในขณะที่ *โมโก(Mogo)* บริษัทฟินเทคของแคนาดา ประกาศจะเปิดรับความเสี่ยงในสินทรัพย์ดิจิทัลกว่า 695 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทเหมืองทองอย่าง *ฮาแมน โกลด์(Haman Gold)* ยังประกาศแผนจะระดมทุนด้วยวิธีเสนอขายหุ้นเพื่อซื้อบิตคอยน์อีกด้วย
ข้อมูลล่าสุดระบุว่าภายในครึ่งปีแรกของปี 2025 บริษัทต่าง ๆ ถือครองบิตคอยน์รวมกันกว่า 245,510 BTC ซึ่งมากกว่าการไหลเข้าของ ETF ในช่วงเดียวกันถึงสองเท่า และเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าจากช่วงต้นปี 2024 คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท หรือราว 246 พันล้านดอลลาร์
ความคิดเห็นของกลุ่มนักลงทุนยังแตกออกไป บางส่วนมองว่าเป็นสัญญาณขาขึ้นและแสดงถึงความเชื่อมั่นของตลาด ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอย่างเกราซีกลับเตือนว่าแนวโน้มนี้อาจสร้างความสับสนให้กับนักลงทุน บริษัทรายใดที่เพียงนำ *บิตคอยน์* ใส่ในงบดุล โดยไม่มีแผนธุรกิจรองรับ ก็อาจไม่ได้มีความแข็งแกร่งตามที่ตัวเลขแสดงออกมา
ด้วยความเชื่อมโยงที่ลึกขึ้นระหว่างโลกการเงินดั้งเดิมกับสินทรัพย์คริปโต นักวิเคราะห์มองว่า *บริษัทที่สามารถนำบิตคอยน์ไปใช้พัฒนาในเชิงโครงสร้างได้จริง* จะเป็นผู้สร้างความต่างอย่างยั่งยืนในระบบเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังก่อตัวขึ้น
ความคิดเห็น 0