รายได้ค่าธรรมเนียม 'บล็อบ' ของอีเธอเรียม(ETH) ร่วงแตะจุดต่ำสุดในรอบปี หลังอัปเกรด 'เดนคุน'

รายได้จากค่าธรรมเนียม ‘บล็อบ’ (Blob) ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้หลักของอีเธอเรียม(ETH) จากเครือข่ายเลเยอร์ 2 (L2) ลดลงแตะระดับต่ำสุดของปี จุดชนวนความกังวลต่อรูปแบบเศรษฐกิจของเครือข่ายหลังการอัปเกรด "เดนคุน" (Dencun)

ตามข้อมูลจากเว็บไซต์อีเธอร์สแกน (Etherscan) เมื่อวันที่ 30 ตามเวลาในพื้นที่ รายได้ค่าธรรมเนียมบล็อบของอีเธอเรียมในรอบสัปดาห์อยู่ที่เพียง 3.18 ETH หรือคิดเป็นเงินประมาณ 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 870,000 บาท) ลดลงกว่า 73% จากสัปดาห์ก่อนหน้า และเมื่อเทียบกับช่วงกลางเดือนมีนาคมที่เคยแตะระดับสูงสุดเกือบ 84 ETH (ประมาณ 155,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 22.6 ล้านบาท) ถือว่าร่วงลงมากกว่า 95%

ภาวะถดถอยของรายได้ค่าธรรมเนียมดังกล่าวเริ่มชัดเจนขึ้นนับตั้งแต่การอัปเกรด *เดนคุน* เมื่อเดือนมีนาคม 2023 ซึ่งมีเป้าหมายลดต้นทุนการทำธุรกรรมของผู้ใช้งานผ่านการจัดเก็บข้อมูลธุรกรรมของ L2 แบบบล็อบชั่วคราว แทนที่จะบันทึกลงบนเชนโดยตรง วิธีนี้ช่วยเพิ่ม *ประสิทธิภาพ* ของเครือข่าย แต่ก็กระทบกับความสามารถรายได้ของอีเธอเรียมจากค่าธรรมเนียมโดยตรงเช่นกัน

*แมทธิว ซีเกล* (Matthew Sigel) หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัทจัดการลงทุน *แวนเอค* (VanEck) วิเคราะห์ว่า "เลเยอร์ 2 ยังไม่สามารถเติมข้อมูลบล็อบได้เพียงพอ เป็นผลให้รายได้ค่าธรรมเนียมของอีเธอเรียมอ่อนแอลงอย่างมาก" ย้อนดูสถิติเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว รายได้ส่วนนี้เคยแตะระดับสูงสุดเกือบ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์ ก่อนจะทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

สถานการณ์เช่นนี้จุดประกายคำวิจารณ์ว่าอีเธอเรียมอาจพึ่งพากลยุทธ์การขยายผ่าน L2 มากเกินไป *arndxt* ผู้เขียนจดหมายข่าวบล็อกเชนวิจัย ‘Threading on the Edge’ แสดงความคิดเห็นว่า "อนาคตของอีเธอเรียมขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำหน้าที่เป็นเครื่องจัดการข้อมูลให้กับโปรเจกต์ L2 ได้ดีเพียงใด"

ด้าน *ไมเคิล นาโด* (Michael Nadeau) ผู้ก่อตั้ง ‘DeFi Report’ ก็ให้ความเห็นว่า “เพื่อให้รายได้ค่าธรรมเนียบล็อบทดแทนรายได้เดิมจากออนเชนได้ ปริมาณธุรกรรมของ L2 ต้องเพิ่มขึ้นกว่า 22,000 เท่าจากปัจจุบัน” ซึ่งชี้ให้เห็นถึงช่องว่างรายได้ขนาดใหญ่ที่อีเธอเรียมยังต้องตามให้ทัน

อย่างไรก็ตาม ยังมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ โดยการอัปเกรด ‘เพคตรา’ (Pectra) ที่เตรียมเปิดตัวในปีนี้ มีแผนจะปรับปรุงการจัดสรรปริมาณข้อมูลบล็อบให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ซึ่งอาจช่วยหนุนรายได้ของเครือข่ายได้ในอนาคต *ซาซาล* (Sassal) ผู้ก่อตั้ง ‘The Daily Gwei’ ระบุว่า "แผนการชัดเจนมาก คือขยายตัวแบบเชิงรุกเพื่อยึดครองส่วนแบ่งตลาดก่อน แล้วค่อยมาว่ากันเรื่องรายได้"

ในท้ายที่สุด อีเธอเรียมยังอยู่ในช่วงทดสอบสมดุลระหว่าง *การขยายตัว* และ *การสร้างรายได้* หากระบบ L2 เติบโตได้ตามที่วาดหวัง รายได้ค่าธรรมเนียมบล็อบอาจฟื้นตัวในระยะยาว แต่ในระยะสั้น ความท้าทายในการสร้างรายได้ที่มั่นคงยังคงเป็นภารกิจสำคัญของชุมชนอีเธอเรียมต่อไป