ศาลฎีกาบราซิลไฟเขียวอายัดคริปโตชำระหนี้ ยกระดับสถานะสินทรัพย์ดิจิทัล

ศาลฎีกาของบราซิล (Superior Court of Justice) ได้มีคำตัดสินอนุญาตให้มีการอายัดสินทรัพย์ในรูปแบบคริปโตเพื่อชำระหนี้ที่ค้างชำระ เพิ่มความชัดเจนทางกฎหมายให้กับทรัพย์สินดิจิทัล พร้อมเน้นย้ำถึงบทบาทของคริปโตในฐานะเครื่องมือชำระเงินและเก็บมูลค่าได้อย่างเป็นทางการ

ตามรายงานจากสื่อท้องถิ่น คณะผู้พิพากษา 3 คนมีมติเอกฉันท์อนุมัติให้เจ้าหนี้สามารถแจ้งต่อแพลตฟอร์มคริปโตเพื่ออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ การตัดสินครั้งนี้เป็นผลมาจากการพิจารณาคดีทางแพ่ง และยังได้รับการยืนยันบนเว็บไซต์ทางการของศาลฎีกา

ศาลระบุว่า “แม้ว่า *คริปโตเคอร์เรนซี* จะไม่ถือเป็นเงินสกุลทางการ แต่สามารถใช้เป็น ‘เครื่องมือชำระเงิน’ และ ‘ที่เก็บมูลค่า’ ได้” ปัจจุบันในบราซิล เจ้าหนี้สามารถยึดทรัพย์หรืออายัดเงินฝากของลูกหนี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอม ซึ่งคำตัดสินนี้หมายความว่า *คริปโตเคอร์เรนซี* จะถูกจัดให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายเดิมเช่นเดียวกัน

ริคาร์โด วิลลาส โบอัส คูเอวา(Ricardo Villas Bôas Cueva) ผู้พิพากษาศาลฎีกา เปิดเผยว่า แม้บราซิลยังไม่มีข้อบังคับเฉพาะเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ในร่างกฎหมายบางฉบับได้อธิบาย *คริปโตเคอร์เรนซี* ว่าเป็น "การแสดงค่าดิจิทัลของมูลค่า" ซึ่งสะท้อนถึงสถานะของมันในฐานะ ‘สินทรัพย์’

แม้จะยังขาดกรอบกำกับดูแลที่ชัดเจน แต่ความต้องการใช้ *คริปโต* ในบราซิลกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยข้อมูลจาก Chainalysis ระบุว่า บราซิลคือประเทศที่มีการรับ *คริปโตเคอร์เรนซี* มากที่สุดเป็นอันดับสองในภูมิภาคละตินอเมริกา รองจากอาร์เจนตินา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงระดับการยอมรับในตลาดและบทบาทของบราซิลในฐานะฮับ *สินทรัพย์ดิจิทัล* ของภูมิภาค

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ไบแนนซ์(Binance) ได้เข้าซื้อกิจการบริษัทด้านการลงทุนในเซาเปาโล เพื่อขยายการให้บริการภายในประเทศ พร้อมได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการในการดำเนินธุรกิจ โดยในขณะนั้น ตัวแทนจากไบแนนซ์ระบุว่า “บราซิลกำลังเดินหน้าในการวางโครงสร้างกำกับดูแล และคาดว่าจะมีเฟรมเวิร์กที่ครอบคลุมเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้”

อย่างไรก็ตาม กรอบกฎหมายไม่ได้เอื้อต่อผู้ประกอบการเสมอไป โดยเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางบราซิลได้เสนอร่างข้อบังคับห้ามการใช้ *สเตเบิลคอยน์* ผ่านกระเป๋าเงินที่ดูแลโดยผู้ใช้เอง(self-custody) ความเคลื่อนไหวนี้สร้างแรงกระแทกต่อผู้ใช้งานที่พึ่งพาโทเคนผูกกับดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของมูลค่าเงินภายในประเทศ

นักวิเคราะห์จากเทรเซอร์(Trezor) ลูเซียง บูร์ดง กล่าวว่า “แม้รัฐบาลจะควบคุมแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ได้ แต่ก็ไม่สามารถจัดการกับการทำธุรกรรมระหว่างบุคคลหรือโครงสร้างแบบกระจายศูนย์ได้” พร้อมมองว่าข้อเสนอดังกล่าวจะส่งผลกระทบเพียงบางส่วนของระบบนิเวศ *คริปโตเคอร์เรนซี* เท่านั้น

*คำสำคัญ: คริปโตเคอร์เรนซี, บราซิล, ศาลฎีกา, การยึดทรัพย์สิน, การกำกับดูแล, ไบแนนซ์, สเตเบิลคอยน์*