Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

สหรัฐฯ ผสาน AI และคริปโต ลุยกลยุทธ์หนี้-เงินเฟ้อ เสริมแกร่งเศรษฐกิจโลกยุคใหม่

Mon, 07 Apr 2025, 10:27 am UTC

สหรัฐฯ ผสาน AI และคริปโต ลุยกลยุทธ์หนี้-เงินเฟ้อ เสริมแกร่งเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ / Tokenpost

โครงสร้างหนี้ของสหรัฐฯ และกลไกเงินเฟ้อกำลังเชื่อมโยงกับการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างคริปโตเคอร์เรนซีและปัญญาประดิษฐ์(AI) กลายเป็นพื้นฐานสำหรับกลยุทธ์ใหม่ของการช่วงชิงความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจระดับโลก ตามรายงานล่าสุดของโคอินอีซี่(CoinEasy) สหรัฐฯ ใช้การขยายยอดหนี้และการสร้างมูลค่าทรัพย์สินผ่านภาวะเงินเฟ้อ เพื่อเสริมสร้างรากฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็เตรียมเข้าสู่ระบบการเงินโลกยุคใหม่ด้วยเทคโนโลยี AI และคริปโต

แม้ว่าสหรัฐฯ จะเป็นประเทศที่มีภาระหนี้สูงที่สุดในโลก แต่ได้สร้างโครงสร้างทางการเงินที่ใช้ประโยชน์จากการพิมพ์เงินดอลลาร์ในฐานะเงินสกุลหลักสำหรับการชำระเงินระหว่างประเทศ ทำให้สามารถดึงกำไรจากเจ้าหนี้จากต่างประเทศได้ โดยโครงสร้างนี้ตามรายงานของโคอินอีซี่ มีลักษณะชัดเจนคือ การเร่งภาวะเงินเฟ้อลดค่าเงินจริงของหนี้หลังจากก่อหนี้แล้ว ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อรัฐบาล ผู้มั่งคั่ง และผู้มีส่วนได้เสียในระบบโลกทั้งทางตรงและทางอ้อม ‘ความคิดเห็น’ นี่เป็นกลไกที่เปิดเผยให้เห็นถึงนโยบายของรัฐบาลไบเดนและรัฐบาลทรัมป์ในช่วงที่ผ่านมาอย่างชัดเจน

ในยุครัฐบาลไบเดน แม้จะมีอัตราดอกเบี้ยสูงแต่ใช้นโยบายกระตุ้นเงินเฟ้ออย่างมีแบบแผน รวมถึงใช้การขยายจำนวนผู้อพยพเพื่อเพิ่มอุปสงค์ในประเทศ และใช้ผลจากสงครามเช่นในยูเครนและฉนวนกาซา เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศและผลักดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้สูงขึ้น ซึ่งนำไปสู่ผลของเงินเฟ้ออย่างได้ผล จุดสำคัญคือ 70% ของงบประมาณทหารหมุนเวียนกลับสู่ภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ ทำให้แม้ตัวเลขหนี้จะยังคงสูง แต่ภาระที่แท้จริงกลับลดลง

ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลทรัมป์เดินตามแนวทาง ‘รัฐบาลขนาดเล็ก’ ด้วยการลดภาษีและควบคุมการใช้จ่ายของภาครัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้สูง พร้อมกับการใช้กำแพงภาษีและนโยบายเพิ่มการผลิตพลังงาน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการผลิตและทรัพยากรในประเทศ แม้ว่านโยบายเหล่านี้ดูเหมือนจะหนุนภาวะเงินเฟ้อ แต่ก็อาจเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยรวม และทำให้เกิดผลของ ‘การส่งออกเงินเฟ้อ’ ไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น เกาหลีใต้ ผ่านการแข็งค่าของดอลลาร์และดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

ในมุมของการวางยุทธศาสตร์อนาคต AI และคริปโตถือเป็นเครื่องมือสำคัญ ผลผลิตทางเศรษฐกิจที่ AI สร้างขึ้นสามารถเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละมากกว่า 5% ซึ่งสูงกว่าค่าใช้จ่ายในการจัดหาเงินทุน หมายความว่า AI มีศักยภาพในการลดภาระด้านหนี้ของประเทศ นักลงทุนรายใหญ่ อย่างเช่น มาซาโยชิ ซน(손정의) กำลังเทเงินมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่เทคโนโลยีนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณว่า AI จะมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่อไป

ขณะที่คริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะ ‘บิตคอยน์(BTC)’ และสเตเบิลคอยน์อย่าง ‘เทเธอร์(USDT)’ และ ‘USDC’ เริ่มมีบทบาทในฐานะเครื่องมือในการเก็บรักษามูลค่า โคอินอีซี่ ระบุว่า สหรัฐฯ มีอิทธิพลต่อโครงสร้างพื้นฐานของคริปโตเหล่านี้ในระดับสูง ทำให้สามารถคงอำนาจทางการเงินของดอลลาร์ผ่านเวทีใหม่ของสกุลเงินดิจิทัล ปัจจุบันบริษัทผู้ออก USDC และ USDT ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นจำนวนมาก นำไปสู่สถานการณ์ที่คริปโตกลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างการเงินของรัฐ

รายงานยังชี้ว่ารัฐบาลทรัมป์ก็อาจใช้สเตเบิลคอยน์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซับหนี้และความยืดหยุ่นด้านนโยบาย โดยเฉพาะในยุคที่โครงสร้างการขุดบิตคอยน์ได้ย้ายศูนย์กลางมาที่สหรัฐฯ แล้ว แม้ว่าสหรัฐฯ จะไม่มีแนวโน้มประกาศใช้คริปโตเป็นเงินอย่างเป็นทางการ แต่ในระดับระบบแล้ว มีความเป็นไปได้ที่จะใช้คริปโตเพื่อปรับโครงสร้างหนี้และวางรากฐานสำหรับระบบเงินใหม่ในระดับโลก

โคอินอีซี่ สรุปว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในอนาคตจะยังพึ่งพากลยุทธ์ของ ‘การควบคุมเงินเฟ้อ’, ‘ความยืดหยุ่นด้านหนี้’, และ ‘การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยี’ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ AI และคริปโตซึ่งกำลังกลายเป็น ‘ขุมพลังสองเครื่องยนต์’ ที่ขับเคลื่อนกลยุทธ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ อยู่บนพื้นฐานของกลไกทางทุนนิยมอย่าง ‘หนี้’ และ ‘เงินเฟ้อ’ ที่ฝังรากลึกในระบบนั่นเอง

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1