ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
บิตคอยน์(BTC) พุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 81,180 ดอลลาร์ (ราว 11.84 ล้านบาท) ก่อนร่วงลงอย่างรวดเร็ว หลังพบว่าแรงหนุนราคาครั้งนี้มาจาก *ข่าวปลอม* เกี่ยวกับภาษีนำเข้าของสหรัฐ โดยเมื่อวันที่ 9 ทำเนียบขาวได้ยืนยันว่าจะเริ่มเก็บภาษีสินค้าจีนสูงสุดถึง 104% ทำให้แรงซื้อก่อนหน้าสลายไปเกือบทั้งหมด
ความคาดหวังที่เกิดจากข่าวเทียมเริ่มจางหาย ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ลดต่ำกว่า 75,000 ดอลลาร์ (ราว 10.95 ล้านบาท) เป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายนปีที่แล้ว และได้ *กลับมาทดสอบ* จุด ‘Fair Value Gap’ หรือช่วงราคาหลักระหว่าง 77,300 – 73,400 ดอลลาร์ (ราว 11.28 – 10.7 ล้านบาท) ซึ่งเป็นโซนที่เคยได้รับแรงซื้ออย่างรุนแรงหลังคำแถลงเชิงบวกต่อตลาดคริปโตของประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง ไมเคิล ฟาน เดอ ป็อป(Michael van de Poppe) ระบุว่า การที่ราคากลับมายังโซนนั้นถือว่า ‘สำคัญมาก’ และการทะลุระดับ 80,000 ดอลลาร์อีกครั้งก็เป็น ‘สัญญาณเชิงบวก’ ที่ชัดเจน แต่ยังคง *มีความไม่แน่นอน* เกี่ยวกับโอกาสการร่วงต่อเนื่อง ส่วนอีกหนึ่งนักวิเคราะห์ชื่อ เยลเล(Jelle) ชี้ว่าการที่บิตคอยน์สามารถกลับไปที่ 79,000 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 7 ถือเป็นความพยายามฟื้นตัวที่โดดเด่น เทียบกับตลาดการเงินดั้งเดิม พร้อมเสริมว่า *“หากความสับสนลดลง ราคาก็มีโอกาสขึ้นอีกครั้ง”*
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังเผชิญ *แรงกดดันจากฝั่งขาย* โดยข้อมูลจากคริปโตควอนต์(CryptoQuant) แพลตฟอร์มวิเคราะห์ออนไลน์ พบว่าผู้ที่ถือบิตคอยน์มากกว่า 155 วัน หรือกลุ่ม ‘นักลงทุนระยะยาว’ (LTH) เริ่มเคลื่อนไหวการขาย วันที่ 7 เมษายน ตัวชี้วัด Exchange Inflow Coin Days Destroyed (CDD) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งหมายถึงการย้ายเหรียญเก่าเข้าสู่ตลาดแลกเปลี่ยนจำนวนมาก นับเป็นสัญญาณล่วงหน้าของแนวโน้มขาลง
ช่วงต้นเดือน เห็นสัญญาณแบบเดียวกันเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 2 เมษายน ตัวเลข CDD พุ่งขึ้นตามด้วยราคาบิตคอยน์ที่ลดลงจาก 88,000 เหลือ 81,000 ดอลลาร์ และวันที่ 27 มีนาคม ก็ปรากฏแนวโน้มเดียวกัน โดยราคาร่วงลงถึง 7% หลังดัชนี CDD ปรับสูงขึ้น นักวิเคราะห์จากคริปโตควอนต์ระบุว่า “ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่านักลงทุนระยะยาวเตรียมกลับเข้าสู่ *โหมดขาย* หรือไม่”
หากราคายังร่วงลงต่อ แนวรับสำคัญอันดับแรกอยู่ที่ 74,000 ดอลลาร์ (ราว 10.8 ล้านบาท) ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2024 ความผันผวนระยะสั้นของบิตคอยน์จึงยังคงสูงมาก เนื่องจากได้รับแรงกระทบทั้งจาก *พฤติกรรมของนักลงทุนระยะยาว* และ *ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์* ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้
ความคิดเห็น 0