บิตคอยน์(BTC) ร่วงหลุดค่าเฉลี่ย 200 วัน เสี่ยงอ่อนตัวสู่ระดับ 68,000 ดอลลาร์ หากไร้แรงซื้อหนุน

บิตคอยน์(BTC) เข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญทางเทคนิค หลังหลุดจากแนวโน้มขาขึ้นที่ดำเนินมาตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่แรงซื้อยังไม่กลับมาอย่างเต็มที่ นักวิเคราะห์มองว่าหากแนวโน้มอ่อนแรงในระยะสั้นยังคงดำเนินต่อ อาจเกิดการปรับฐานลงลึกได้อีก

จากภาพรวมกราฟรายวัน บิตคอยน์ได้ร่วงลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน หรือประมาณ 88,000 ดอลลาร์ (ราว 1.28 ล้านบาท) ซึ่งเป็นระดับสำคัญที่ใช้วัดแนวโน้มในระยะกลางถึงยาว การหลุดแนวรับนี้อาจสร้างความวิตกให้กับนักลงทุน โดยก่อนหน้านี้ ราคาได้ติดแนวต้านบริเวณ 88,000–92,000 ดอลลาร์ซ้ำหลายครั้ง และขณะนี้ราคากำลังเคลื่อนไหวในช่วง 77,000–78,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.12–1.13 ล้านบาท) ซึ่งหากแนวรับถัดไปที่ 74,000 ดอลลาร์ (ราว 1.07 ล้านบาท) พังลงไปอีก ความเสี่ยงที่ราคาจะไหลลงสู่ระดับ 68,000 ดอลลาร์ (ราว 9.93 แสนบาท) ก็จะเพิ่มสูงขึ้น

เมื่อพิจารณากราฟแบบ 4 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่า บิตคอยน์หลุดแนวรับของเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นอย่างชัดเจน ส่งผลให้มีการบังคับขายตำแหน่ง (liquidation) เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง และสร้างความตระหนกในตลาด หลังจากราคาร่วงลงใกล้ระดับ 74,000 ดอลลาร์ ก็เกิดการดีดกลับเล็กน้อย แต่กลับถูกปฏิเสธที่แนวต้าน 80,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.17 ล้านบาท) อีกครั้ง สะท้อนถึงภาวะ ‘ยอดสูงที่ต่ำลง’ ซึ่งเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาลงในระยะสั้น แม้ดัชนี RSI จะส่งสัญญาณฟื้นตัวจากภาวะขายมากเกินไป แต่หากแรงซื้อไม่สามารถกลับมาเป็นฝ่ายคุมเกม โอกาสที่ราคาจะอ่อนตัวต่อก็ยังมีอยู่

ด้านข้อมูลออนเชน แสดงให้เห็นว่าตัวชี้วัด aSOPR (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบชี้เฉลี่ย 30 วัน) ซึ่งใช้วัดกำไรขาดทุนที่เกิดขึ้นจริงจากนักลงทุนบิตคอยน์ ยังคงอยู่ที่ระดับ 1.1 หมายความว่าผู้ถือเหรียญส่วนใหญ่ยังขายออกขณะที่ได้กำไร อย่างไรก็ตาม ทิศทาง aSOPR ที่เริ่มลดลงบ่งชี้ว่า ‘กำไรโดยรวมของเครือข่ายกำลังอ่อนตัวลง’ หากค่า aSOPR ลดลงต่ำกว่า 1 ก็จะสะท้อนว่าเริ่มมีการขายขาดทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มแรงกดดันต่อราคาระยะกลางถึงสั้น

บทสรุปของตลาดบิตคอยน์ในขณะนี้คือ หากราคายังไม่สามารถกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ 80,000 ดอลลาร์ และยืนยันแนวรับใหม่ที่ช่วง 82,000–84,000 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง แนวโน้มระยะสั้นจะยังคงอยู่ภายใต้แรงขาย ‘ความคิดเห็น’ คือ ตลาดกำลังอยู่ในช่วงทดสอบความแข็งแกร่งของฐานราคา หากออนเชนแสดงการฟื้นตัวที่มั่นคงมากขึ้น อาจเปิดโอกาสให้เกิดการเด้งกลับได้อีกครั้ง นักลงทุนจึงควรจับตาความเคลื่อนไหวของราคาช่วงไม่กี่วันข้างหน้าอย่างใกล้ชิด พร้อมประเมินพฤติกรรมของผู้ถือเหรียญผ่านข้อมูลออนเชนอย่างต่อเนื่อง