ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศใช้นโยบายเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา *104%* ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 เมษายน เวลาเที่ยง (เวลาท้องถิ่น) ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกเกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง มาตรการดังกล่าวเป็นการตอบโต้ที่จีนยังไม่ยกเลิกภาษีตอบโต้สินค้าจากสหรัฐ ส่งผลให้ความตึงเครียดทางการค้าเข้าสู่เฟสใหม่ ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว *บิตคอยน์(BTC)* ร่วงลงจากระดับ 82,000 ดอลลาร์ และกำลังทดสอบเส้นแนวรับสำคัญที่ช่วง 75,152–77,672 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์ในตลาดบางรายมองว่าช่วงราคาดังกล่าวอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนทางเทคนิคของบิตคอยน์ หากราคาได้รับแรงหนุนเหนือแนวรับนี้ มีโอกาสเกิดการดีดตัวระยะสั้นขึ้นมา แต่หากราคาทะลุลงต่ำกว่านี้ แรงขายฝั่งลงอาจยิ่งรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะหากราคายังไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนที่ระดับ 81,282 ดอลลาร์ได้ ก็อาจยังไม่ถือเป็นสัญญาณกลับตัว ด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิค ระบุว่าเงื่อนไขของ *การกลับตัวในภาพรวม* คือ การทะลุแนวต้านที่ 83,792 ดอลลาร์ให้ได้อย่างชัดเจน
จากสถานการณ์นี้ นักลงทุนเริ่มมีความเห็นที่แตกต่างว่า *ควรซื้อบิตคอยน์ในช่วงตลาดขาลงหรือไม่* โดย เกล็น กูดแมน(Glen Goodman) เทรดเดอร์คริปโตชื่อดังและผู้เขียนหนังสือ ‘Crypto Trading Guide’ ให้สัมภาษณ์กับ CoinDesk เตือนว่า การเข้าซื้อระหว่างราคาดิ่งลงอาจเสี่ยงเกินไป เขาอ้างคำพูดที่เป็นที่รู้จักว่า “*อย่าจับมีดที่กำลังตก*” เพื่อสื่อว่า การซื้อคริปโตในช่วงตกหนักโดยไม่มีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน มีโอกาสสูงที่จะนำไปสู่การขาดทุน
กูดแมนระบุว่า “เมื่อราคายังไม่มีสัญญาณกลับตัวที่ชัดเจน ไม่ควรรีบเข้าซื้อ” โดยแนะนำให้รอดูจนกว่าราคาจะเริ่มสร้างจุดสูงและจุดต่ำที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นโครงสร้างตลาดที่มั่นคงกว่าก่อนเข้าสู่ตลาด นอกจากนี้ เขายังเตือนว่าแม้บิตคอยน์จะเดินหน้าในเทรนด์ขาขึ้นตั้งแต่ปี 2023 แต่การปรับฐานครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ควรเฝ้าระวัง
ในภาพรวม นโยบายทางการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงมีอิทธิพลสำคัญต่อความเคลื่อนไหวของ *ตลาดคริปโต* โดยเฉพาะ *บิตคอยน์(BTC)* แม้การขึ้นภาษีจะสร้างความไม่แน่นอนในระยะสั้น แต่ความหวังระยะยาวยังอยู่ที่ทิศทางนโยบายการเงินและกำกับดูแล ซึ่งอาจเปิดประตูสู่การฟื้นตัวครั้งใหม่ของตลาดในอนาคต
ความคิดเห็น 0