สกุลเงินดิจิทัล พีไอ(PI) จากโครงการ Pi Network กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด หลังจากราคาพุ่งขึ้นในช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา จนแตะระดับใกล้ ‘0.65 ดอลลาร์’ ก่อนจะปรับฐานมาอยู่ที่ประมาณ ‘0.60 ดอลลาร์’ โดยยังคงเพิ่มขึ้นกว่า 6% ภายในหนึ่งวัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณของความเชื่อมั่นที่กลับคืนสู่ตลาด จากทั้งแรงหนุนของนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และทิศทางฟื้นตัวของตลาดคริปโตโดยรวม
หนึ่งในปัจจัย ‘สำคัญ’ ที่กระตุ้นให้ราคาพีไอพุ่งสูงขึ้น คือมาตรการผ่อนผันภาษีศุลกากรล่าสุดของ ‘ทรัมป์’ ที่เพิ่งมีการประกาศ ทรัมป์ตัดสินใจเลื่อนการเรียกเก็บภาษีใหม่เป็นเวลา 90 วัน และลดอัตราภาษีสำหรับกว่า 75 ประเทศที่พยายามเจรจาการค้ากับสหรัฐลงเหลือ 10% ขณะเดียวกัน เขายังคงท่าทีแข็งกร้าวต่อจีน โดยปรับขึ้นภาษีนำเข้าของจีนสูงถึง 125% ด้วยเหตุผลว่า ‘ขาดความเคารพ’
หลังจากนโยบายดังกล่าวถูกเปิดเผย ราคาของ ‘บิตคอยน์(BTC)’ พุ่งขึ้นทะลุ 83,000 ดอลลาร์ ก่อนจะย่อลงมาอยู่ราว 82,000 ดอลลาร์ ส่วน ‘อีเธอเรียม(ETH)’ ก็ขยับขึ้นเหนือระดับ 1,600 ดอลลาร์ ส่งผลให้ตลาดคริปโตทั้งหมดมีแรงส่งบวก ซึ่งรวมถึงสกุลเงินกลุ่ม ‘ขนาดกลางและเล็ก’ อย่างพีไอที่ได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มเชิงบวกนี้ด้วย
นอกเหนือจากสภาพแวดล้อมที่เป็นบวกในตลาดแล้ว ‘ความร่วมมือ’ ล่าสุดของ Pi Network กับบริษัทชำระเงินระดับโลกอย่าง ‘บังซา(Banxa)’ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ดันราคาขึ้น โดยตามรายงานระบุว่า บังซาได้เข้าซื้อพีไอมากกว่า 30 ล้านเหรียญ สะท้อนถึงความมั่นใจในศักยภาพของระบบนิเวศพีไอ เมื่อวันที่ 8 เมษายน มีข้อมูลว่า ในช่วงเวลาเพียง 48 ชั่วโมง มีพีไอกว่า 1.2 ล้านเหรียญถูกซื้อขายผ่านบังซา
‘Pi News’ รายงานว่า "ตัวเลขนี้พิสูจน์ได้ถึงความไว้วางใจของชุมชนต่อบังซา" โดยเสริมว่า "เมื่อการใช้งานจริงมากขึ้น ความต้องการก็จะเพิ่มขึ้นตามมา" ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของสมาชิกในชุมชนที่หลายคนประเมินว่าราคาพีไออาจพุ่งไปแตะระดับเกิน 2.50 ดอลลาร์ในระยะสั้น
ผู้ใช้ X (เดิมทวิตเตอร์) ชื่อ "MOON JEFF" แสดงความคิดเห็นว่า ราคาของพีไอมีแนวโน้มฟื้นตัวในรูปแบบ ‘V-shape’ และมีโอกาส ‘ทะลุ 2 ดอลลาร์ระดับกลาง’ หากความเร็วของการฟื้นตัวยังคงแข็งแกร่งแบบนี้
ภายใต้บริบทของการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายระหว่างประเทศที่ยังดำเนินต่อไป ตลาดคริปโตจึงตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อแรงกระตุ้นต่าง ๆ และ ‘พีไอ’ ก็อาจเดินหน้าบนแนวโน้มขาขึ้นต่อไปได้ หากสามารถขยายการใช้งานเชิงพาณิชย์และได้รับความเชื่อมั่นจากสถาบันระดับโลกมากขึ้นในอนาคต
ความคิดเห็น 0