สเตลลา(XLM): นวัตกรรมการชำระเงินข้ามพรมแดนที่เน้นต้นทุนต่ำและความรวดเร็ว

สเตลลา(XLM) เป็นเครือข่ายการชำระเงินแบบกระจายอำนาจที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดยมุ่งเน้นในการให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศที่รวดเร็ว ปลอดภัย และมีต้นทุนต่ำ เครือข่ายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงบุคคล ธนาคาร และระบบการชำระเงินเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถโอนสกุลเงินได้อย่างน่าเชื่อถือและแทบจะทันที ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินคำสั่ง เช่น ดอลลาร์สหรัฐหรือยูโร ไปจนถึงสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ เช่น บิตคอยน์(BTC)

สเตลลาเป็นบล็อกเชนแบบโอเพ่นซอร์สที่ดำเนินการโดยผู้ตรวจสอบอิสระ การจัดการโปรโตคอลและการดำเนินงานได้รับการดูแลโดยมูลนิธิสเตลลา ดีเวลลอปเมนต์ ฟาวน์เดชัน(Stellar Development Foundation หรือ SDF) องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ก่อตั้งโดยเจด แมคเคเลบ(Jed McCaleb) SDF มีบทบาทในการสนับสนุนชุมชนด้านเทคโนโลยีและธุรกิจของระบบนิเวศสเตลลา พร้อมกับการร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลและองค์กรต่างๆ เงินทุนสำหรับการดำเนินงานของมูลนิธินี้มาจากการถือครองโทเคนพื้นฐานของเครือข่ายคือ ลูเมน(XLM) ซึ่งถูกกำหนดไว้ในระหว่างการออกแบบโปรโตคอลครั้งแรก

ในปี 2020 สเตลลาได้กลายเป็นบล็อกเชนอย่างเป็นทางการสำหรับ USDC ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ชื่อดัง และได้ร่วมมือกับมันนี่แกรม(MoneyGram) เพื่อพัฒนาบริการการชำระเงินที่เกือบจะเป็นเรียลไทม์ผ่านการใช้ USDC ในปี 2023 สเตลลายังได้เพิ่มสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีฐานอยู่ในยูโรอย่าง EURC เข้าสู่เครือข่ายเพื่อยกระดับระบบการชำระเงินทั่วโลกขึ้นไปอีกขั้น

เครือข่ายของสเตลลาใช้กลไกการยืนยันเอกฉันท์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะคือ สเตลลา คอนเซนซัส โปรโตคอล(Stellar Consensus Protocol หรือ SCP) ซึ่งไม่พึ่งพาทรัพยากรคอมพิวเตอร์แต่ใช้ความไว้วางใจเป็นพื้นฐานในการป้องกันเครือข่าย ทำให้กลไกนี้มีความโดดเด่นด้านประสิทธิภาพพลังงานและต้นทุนต่ำ โดยปกติแล้วโหนดยืนยันธุรกรรมในเครือข่ายจะดำเนินการตรวจสอบและเพิ่มธุรกรรมลงในบล็อกเชนเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่เกิน 5 วินาที

กรณีการใช้งานที่สำคัญของสเตลลา ได้แก่ การโอนเงินระหว่างประเทศ การชำระเงินระหว่างบุคคล การออกสินทรัพย์ดิจิทัล และการพัฒนาแอปพลิเคชันด้านการเงินไร้ตัวกลาง(DeFi) โทเคนลูเมน(XLM) ถูกใช้เพื่อรักษาประสิทธิภาพของเครือข่าย รวมถึงป้องกันการโจมตีด้วยสแปม ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมบนเครือข่ายนี้ถูกกำหนดไว้ต่ำสุดที่ 0.00001 XLM

ในปี 2019 ชุมชนของสเตลลาได้มีการลงคะแนนเพื่อจำกัดอุปทานรวมของ XLM ไว้ที่ประมาณ 50,000 ล้านโทเคน แต่ละบัญชีบนเครือข่ายจะต้องถือครองขั้นต่ำ 1 XLM โทเคนนี้สามารถซื้อขายได้ทั้งในตลาดซื้อขายแบบรวมศูนย์และตลาดซื้อขายแบบกระจายศูนย์(DEX) และเพื่อความปลอดภัย แนะนำให้โอน XLM ไปยังวอลเล็ตฮาร์ดแวร์

สเตลลามุ่งเน้นในการส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินและการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ขณะเดียวกันยังสนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างระบบการเงินระหว่างประเทศ ในปัจจุบัน เราสามารถเห็นบริษัทการเงินอย่างแฟรงคลิน เทมเพิลตัน(Franklin Templeton) และวิสดอมทรี(WisdomTree) ใช้เทคโนโลยีของสเตลลาในการพัฒนาโทเคนที่มีสินทรัพย์หนุนหลัง

แม้ว่าสเตลลาจะถูกเปรียบเทียบกับริปเปิล(XRP) อยู่บ่อยครั้ง แต่ทั้งสองเครือข่ายมีจุดมุ่งหมายและกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน ริปเปิลมุ่งเน้นการร่วมมือกับสถาบันขนาดใหญ่และธนาคารเพื่อแทนที่ระบบ SWIFT ในขณะที่สเตลลามีเป้าหมายช่วยเหลือกลุ่มบุคคลและผู้ที่ขาดโอกาสทางการเงิน พร้อมทั้งมุ่งเน้นการศึกษาเพื่อเพิ่มความเข้าใจในบริการทางการเงิน แนวทางและเทคโนโลยีที่แตกต่างเหล่านี้ทำให้สเตลลาได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องในตลาดการเงินระดับโลก