แบล็คร็อก(BlackRock) ได้ยื่นคำขอต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ(SEC) เพื่อทดลองใช้เทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทดิจิทัล(DLT) กับการดำเนินงานของกองทุนตลาดเงิน BLF Treasury Trust Fund (TTTXX) ที่บริหารอยู่ภายใต้บริษัท การยื่นขอในครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะสร้าง ‘บันทึกกระจก’ สำหรับหุ้นของนักลงทุนบนบล็อกเชน เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลการถือครอง
ตามรายละเอียดในเอกสารที่ยื่น BX Digital (ชื่อของหุ้นในระบบใหม่) จะไม่ถูกเปิดขายทั่วไป แต่จะจำกัดการซื้อขายผ่านแบล็คร็อกแอดไวเซอร์ และธนาคารนิวยอร์กเมลลอน (BNY Mellon) เท่านั้น ปัจจุบันกองทุนดังกล่าวมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมากกว่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,190 ล้านบาท) โดยเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และเงินสดเป็นหลัก
บริษัทระบุว่า นักลงทุนสถาบันที่ซื้อหุ้นนี้จะได้รับการบันทึกข้อมูลการถือครองในระบบกระดานบัญชีดั้งเดิมเช่นเดิม ขณะที่ BNY Mellon จะเก็บรักษาบันทึกกระจกของหุ้นเหล่านั้นบนบล็อกเชนเพื่อวัตถุประสงค์ด้าน *ความโปร่งใส* และ *การตรวจสอบย้อนกลับ* อย่างไรก็ตาม หุ้นในรูปแบบ DLT นี้จะไม่ผ่านกระบวนการ ‘โทเคนไนซ์ (tokenization)’ แบบที่ใช้ในกองทุน BUIDL ของแบล็คร็อก แต่เป็นการผนวกเทคโนโลยีเข้ากับกระบวนการเดิมเพื่อเสริมความเชื่อมั่นทางข้อมูล
ในเอกสารที่เปิดเผยต่อ SEC ไม่มีการระบุชื่อย่อประจำตัวหุ้น (Ticker) หรือค่าธรรมเนียมในการบริหารกองทุน แต่มีการกำหนดว่า นักลงทุนสถาบันจะต้องลงทุนขั้นต่ำไม่ต่ำกว่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 43.8 ล้านบาท)
ความเคลื่อนไหวของแบล็คร็อกครั้งนี้ เกิดขึ้นต่อเนื่องจากกรณีที่ฟิเดลิตี้(Fidelity) ได้ยื่นเอกสารต่อ SEC เมื่อวันที่ 21 มีนาคม เพื่อขออนุมัติออกหุ้นแบบ ‘OnChain’ ให้กับกองทุน Treasury Digital Fund (FYHXX) ที่มีขนาดสินทรัพย์กว่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,170 ล้านบาท) ซึ่งอยู่ระหว่างรอการอนุมัติ โดยคาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 พฤษภาคม
*ความคิดเห็น*: การผลักดันของแบล็คร็อกและฟิเดลิตี้สะท้อนถึงทิศทางใหม่ของวอลสตรีทที่ต้องการรวมสินทรัพย์ในโลกความเป็นจริงเข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชน ทั้งนี้ เพื่อลดต้นทุน เพิ่มความโปร่งใส และเปิดทางสู่รูปแบบการลงทุนยุคใหม่
ตามรายงาน ตลาดการโทเคนไนซ์พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ขยายตัวมูลค่าแตะ 6.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 89,000 ล้านบาท) ขณะที่กองทุน BUIDL ของแบล็คร็อกมีสัดส่วนการถือครองถึง 2.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 37,000 ล้านบาท) ถือเป็นผู้นำในตลาด ส่วนในฝั่งของแฟรงคลิน เทมเพิลตัน(Franklin Templeton) ก็เข้าร่วมในกระแสนี้ด้วยการโทเคนไนซ์สินทรัพย์จริงกว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 10,200 ล้านบาท) ผ่านกองทุน ‘Franklin OnChain U.S. Government Money Fund (BENJI)’ เช่นกัน
*คำสำคัญ*: แบล็คร็อก, กองทุนตลาดเงิน, DLT, บล็อกเชน, โทเคนไนซ์, หุ้นดิจิทัล, BUIDL, ฟิเดลิตี้, พันธบัตรสหรัฐฯ
ความคิดเห็น 0