ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา มูลค่าความเสียหายจากอาชญากรรมในวงการคริปโตเพิ่มขึ้นถึง *1,163%* เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยรวมแล้วมีมูลค่าสูงถึงประมาณ *4,900 ล้านบาท* หรือ *364 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* จากรายงานของบริษัทความปลอดภัยบล็อกเชน เซอร์ติค(CertiK) พบว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลส่วนใหญ่เกิดจากเหตุการณ์แฮกเพียงครั้งเดียว
เมื่อวันที่ 30 เมษายน เซอร์ติคเปิดเผยผ่านบัญชีเอ็กซ์(X) ว่าในเดือนเมษายนมีการโจมตีทั้งในรูปแบบการแฮก การหลอกลวง และการใช้ช่องโหว่ จนทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลสูญหายไปมากกว่า *364 ล้านดอลลาร์* ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากเดือนมีนาคมที่รายงานความเสียหายไว้เพียง *28.8 ล้านดอลลาร์* หรือราว *420 ล้านบาท*
แม้จะมีกรณีที่ *แฮกเกอร์สายขาว (White Hat)* นำเงินคืนประมาณ *18.2 ล้านดอลลาร์* จากโปรโตคอลหลักอย่าง *คีโลเอ็กซ์(KiloEx)*, *ลูปสเกล(Loopscale)* และ *แซดเคซิงก์(ZKsync)* ความเสียหายรวมในเดือนเมษายนก็ยังนับว่าสูงที่สุดของปีนี้
เหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายมากที่สุดคือกรณีที่ชาวอเมริกันวัยสูงอายุรายหนึ่งตกเป็นเหยื่อของ *ฟิชชิ่งแบบวิศวกรรมสังคม (Social Engineering)* โดยถูกหลอกจนเสีย *บิตคอยน์(BTC)* ไปถึง *3,520 เหรียญ* หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ *330.7 ล้านดอลลาร์* (ราว *4,830 ล้านบาท*) เหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน นี้ จัดว่าใหญ่เป็นอันดับ 5 ของการแฮกในประวัติศาสตร์คริปโต
อย่างไรก็ตาม หากแยกกรณีนี้ออก จะพบว่าความเสียหายจริงจากอาชญากรรมคริปโตในเดือนเมษายนอยู่ที่ประมาณ *34 ล้านดอลลาร์* หรือราว *500 ล้านบาท* ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคมประมาณ *21%*
เซอร์ติค ระบุว่า ส่วนใหญ่ของความสูญเสียนั้นมาจากฟิชชิ่ง, ช่องโหว่การควบคุมการเข้าถึง, การปรับราคาตลาดแบบไม่ยุติธรรม และเทคนิควิศวกรรมสังคมในหลายรูปแบบ โดยทั้งหมดสะท้อนถึงความซับซ้อนของภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
*ความคิดเห็น*: นี่เป็นสัญญาณเตือนอย่างชัดเจนต่อผู้ใช้งานคริปโตให้เข้าใจทางเทคนิคมากขึ้นและไม่ประมาทในเรื่องความปลอดภัย เพราะการโจมตีเริ่มแทรกซึมลึกเข้าไปในความไว้เนื้อเชื่อใจของมนุษย์มากกว่าระบบเทคโนโลยีเอง
ความคิดเห็น 0