จัสติน ซัน ผู้ก่อตั้งทรอน(TRON) และอีริก ทรัมป์ บุตรชายของประธานาธิบดีทรัมป์ เข้าร่วมการเสวนาในงาน TOKEN2049 ดูไบ เมื่อวันที่ 24 โดยมีประเด็นหลักเกี่ยวกับอนาคตของ ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ และ ‘บล็อกเชน’ ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทั้งในภาคการเงินและการเมืองของสหรัฐฯ
งานเสวนาครั้งนี้ยังมี เซค วิทคอฟฟ์ ผู้ร่วมก่อตั้งเวิลด์ ลิเบอร์ตี ไฟแนนเชียล(WLFI) เข้าร่วมด้วย โดยได้กล่าวถึงการปรับใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน, สินทรัพย์ดิจิทัล และแนวคิดเรื่อง ‘อธิปไตยทางการเงิน’ ที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนทั่วโลก
*ความคิดเห็น*: การที่ผู้นำบล็อกเชนอย่างจัสติน ซัน มาพบกับครอบครัวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงที่ทรัมป์หวนคืนสู่ทำเนียบขาว ถือเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างเกี่ยวกับทิศทางของตลาดคริปโตในอนาคต ซึ่งไม่เพียงแค่เป็นภาพสัญลักษณ์ แต่ยังอาจมีเรื่องของนโยบายแฝงอยู่ด้วย
WLFI ซึ่งเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับตระกูลทรัมป์ เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นจากการเคลื่อนไหวในตลาดการเงินโลก โดยวางเป้าหมายให้บล็อกเชนเป็นหนึ่งในกลไกหลักของการจัดระเบียบด้านการเงินใหม่ ขณะที่ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลที่ผูกกับแนวคิดทางการเมืองบางส่วน ก็กำลังแสดงทิศทางเชิงบวกขึ้นอย่างมีนัยยะ
จัสติน ซัน ยังเน้นว่าเขาคาดหวังถึง "ผลสำเร็จเชิงสัญลักษณ์และเชิงกลยุทธ์" จากความร่วมมือที่ลึกซึ้งขึ้นในอนาคต โดยเขาลงทุนใน WLFI ไปแล้วกว่า *75 ล้านดอลลาร์* พร้อมทั้งระบุว่าปี 2025 จะเป็น "ปีที่สำคัญ" ในการนำทรอนเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ
ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ(SEC) ก็เพิ่งตัดสินใจระงับคดีแพ่งของจัสติน ซัน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับการที่ ETF ของ TRX กำลังอยู่ในขั้นตอนการยื่นขอจดทะเบียน ทั้งหมดนี้จึงยิ่งเพิ่มความสนใจให้กับการกลับมาปรากฏตัวของซันบนเวทีอเมริกาอีกครั้ง
สำหรับงาน TOKEN2049 ดูไบ มีบทบาทเสมือน ‘ศูนย์กลางความคิด’ ของวงการคริปโต โดยรวมเอาผู้กำหนดทิศทางระดับโลกไว้ในงานเดียว อีริก บัลชูนาส นักวิเคราะห์จาก Bloomberg แสดงความคิดเห็นว่า บรรยากาศของงานที่เปิดกว้าง ผ่อนคลาย และเหมาะกับการสร้างเครือข่ายแบบไม่เป็นทางการ เป็นจุดแข็งสำคัญของเวทีแห่งนี้
ในแวดวงของ WLFI ประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับการยกย่องว่าเป็น “*ตัวแทนที่ดีที่สุดของคริปโต*” ขณะที่ แบร์รอน ทรัมป์ บุตรชายคนเล็ก ก็ได้รับสมญาเป็น “*นักสร้างวิสัยทัศน์แห่งดีไฟ*” ซึ่งกลายเป็นเครื่องสะท้อนว่า *คริปโตเคอร์เรนซีไม่ได้อยู่แค่ในโลกของเทคโนโลยีอีกต่อไป แต่เริ่มเข้าไปเชื่อมโยงกับตัวละครสำคัญในวงการเมืองอย่างลึกซึ้ง*
ความคิดเห็น 0