กระทรวงการคลังสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าตลาด *สเตเบิลคอยน์* จะเติบโตแตะมูลค่า *2 ล้านล้านดอลลาร์* ภายในปี 2028 ท่ามกลางการขยายตัวของสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโต โดยการเติบโตดังกล่าวมีเงื่อนไขสำคัญคือการผ่านร่างกฎหมาย GENIUS Act ซึ่งจะวางกรอบกำกับดูแลที่ชัดเจนและส่งเสริมความเชื่อมั่นในตลาด
ตามรายงานของกระทรวงฯ เมื่อวันที่ 30 เมษายน ตลาด *สเตเบิลคอยน์* ที่ปัจจุบันมีมูลค่ารวมประมาณ 234,000 ล้านดอลลาร์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นราว 8.3 เท่า ในอีก 4 ปีข้างหน้า หากร่างกฎหมาย GENIUS Act ได้รับการอนุมัติ โดยกฎหมายดังกล่าวนิยาม *สเตเบิลคอยน์เพื่อการชำระเงิน* ว่าจะต้องสามารถแลกคืนได้ด้วยมูลค่าที่ตรึงกับสกุลเงินที่รัฐรับรอง และไม่ก่อให้เกิดผลตอบแทน
ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือน เม.ย. คณะกรรมาธิการบริการทางการเงินแห่งสภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมาย Stablecoin Act ที่ให้อำนาจสำนักงานควบคุมเงินตราสหรัฐฯ (OCC) ในการอนุมัติและกำกับดูแลผู้ออก *สเตเบิลคอยน์* ที่มิใช่ธนาคารภายใต้การรับรองของรัฐบาลกลาง
กระทรวงการคลังยังประเมินว่า เมื่อ *สเตเบิลคอยน์* เติบโตตามคาด ความต้องการพันธบัตรระยะสั้นของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากจะใช้เป็นสินทรัพย์สำรองหลัก โดยเฉพาะหากมูลค่าตลาดพุ่งแตะระดับ 2 ล้านล้านเหรียญในปี 2028 ปริมาณพันธบัตรที่ผู้ออกครองอาจสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์
ในด้านปริมาณการซื้อขาย คาดว่าจะเพิ่มจากระดับ 700,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนในปัจจุบัน เป็น 6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อเดือนในปี 2028 หรือคิดเป็น 10% ของการซื้อขายสกุลเงินทั่วโลกในตลาดสปอต หากมีการกำกับดูแลที่ชัดเจน *สเตเบิลคอยน์* สามารถกลายเป็นเครื่องมือทางการเงินกระแสหลักในภาคธุรกิจ การบริหารสภาพคล่องภาครัฐ และระบบการเงินดั้งเดิม
ปัจจุบัน ตลาด *สเตเบิลคอยน์* มีมูลค่ารวมประมาณ 244,500 ล้านดอลลาร์ หรือราว 8% ของมูลค่าตลาดคริปโตทั้งหมดที่อยู่ราว 3 ล้านล้านดอลลาร์ โดย *เทเธอร์(USDT)* ครองสัดส่วนมากที่สุดที่ 61% ด้วยมูลค่าตลาด 149,000 ล้านดอลลาร์ ตามด้วย *ยูเอสดีซี(USDC)* จากบริษัทเซอร์เคิล อยู่ที่ 61,000 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 25% ขณะที่ *USDS* ซึ่งเป็น *สเตเบิลคอยน์แบบกระจายศูนย์* มีสัดส่วน 3% ส่วน *PYUSD* ของบริษัท *เพย์พาล* มีสัดส่วนน้อยกว่า 0.36% แต่กำลังเร่งขยายการใช้งานร่วมกับ *คอยน์เบส* อย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็น 0