วุฒิสภาสหรัฐเตรียมเดินหน้าลงมติร่างกฎหมายควบคุม ‘สเตเบิลคอยน์’ ภายในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ ก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุด ‘เมโมเรียลเดย์’ โดยจอห์น ธูน(John Thune) ผู้นำเสียงข้างมากจากพรรครีพับลิกัน เผยในการประชุมภายในว่า เตรียมผลักดันขั้นตอนออกกฎหมายเต็มรูปแบบ พร้อมขอให้สมาชิกเตรียมตัวล่วงหน้า
ร่างกฎหมายดังกล่าวมีชื่อว่า ‘แนวทางนวัตกรรมระดับชาติของสหรัฐฯ สำหรับสเตเบิลคอยน์ (GENIUS Act)’ ถูกเสนอโดยวุฒิสมาชิก บิล แฮกเกอร์ตี(Bill Hagerty) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภาในเดือนมีนาคม ร่างนี้มีสาระสำคัญคือ ห้ามผู้ออกสเตเบิลคอยน์เพื่อการชำระเงินในประเทศที่ไม่ได้รับใบอนุญาต โดยมีร่างกฎหมายคล้ายกันในสภาผู้แทนราษฎร ชื่อว่า ‘กฎหมายความโปร่งใสและความรับผิดชอบของสเตเบิลคอยน์เพื่อเศรษฐกิจที่ดีขึ้น (STABLE Act)’ ขณะนี้ทั้งวุฒิสภาและสภาล่างต่างอยู่ภายใต้การควบคุมของพรรครีพับลิกัน ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่กฎหมายจะผ่านความเห็นชอบ
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดี ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับเกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม แม้ว่าคำสั่งเหล่านี้จะมีน้ำหนักจำกัดหากไร้การรับรองจากรัฐสภา โดยคำสั่งหนึ่งที่เขาลงนามเมื่อวันที่ 23 มกราคมได้จัดตั้งกลุ่มทำงานเฉพาะกิจเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำระบบสำรองคริปโตในระดับประเทศ รวมถึงกรอบการกำกับดูแลสเตเบิลคอยน์ที่ชัดเจน
ผลจากกระบวนการดังกล่าวทำให้ประเด็นต่าง ๆ อย่างเกณฑ์คุณสมบัติของผู้ออกเหรียญ ปริมาณการออกหมุนเวียน และโครงสร้างการตรวจสอบ ถูกนำเข้าสู่การพิจารณาโดยตรง โดยที่ร่าง GENIUS Act กลายเป็นศูนย์กลางของการถกเถียง อย่างไรก็ตาม ในช่วง 100 วันแรกของการทำงาน ประธานาธิบดีทรัมป์ยังไม่ได้เอ่ยถึงคริปโตหรือบล็อกเชนในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อสาธารณะ นำไปสู่การตั้งข้อสังเกตจากนักวิเคราะห์การเมืองว่า อาจมีความเกี่ยวพันส่วนตัวระหว่างทรัมป์กับสเตเบิลคอยน์ซึ่งยังไม่ได้เปิดเผย
ปัจจุบัน ตลาดสเตเบิลคอยน์ในสหรัฐขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าการซื้อขายรายวันนับหมื่นล้านดอลลาร์ แต่ก็ถูกจับตามองจากทางการว่ามีความเสี่ยงถูกใช้ในการฟอกเงินหรือกิจกรรมผิดกฎหมาย รายงานล่าสุดเปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2024 มีการใช้สเตเบิลคอยน์ไม่ต่ำกว่า 649 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 950.5 ล้านล้านวอน ในกิจกรรมที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ กฎหมายดังกล่าวจึงถูกผลักดันภายใต้เป้าหมายเพื่อเสริมสร้าง *ความเข้มแข็งในการกำกับดูแล* และ *ความมั่นคงของระบบการเงิน* ของสหรัฐ โดยมีพรรครีพับลิกันเป็นหัวหอกในครั้งนี้ ความเคลื่อนไหวนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับโฉมครั้งใหญ่ในวงการคริปโตของสหรัฐในระยะใกล้
ความคิดเห็น 0