สเตเบิลคอยน์กำลังก้าวขึ้นมาเป็นแรงขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ของอุตสาหกรรมการเงินโลก โดยจากที่เคยเป็นสินทรัพย์เฉพาะทางในตลาดคริปโต ปัจจุบัน *สเตเบิลคอยน์* กลับได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากองค์กรการเงินรายใหญ่ เช่น วีซ่า, มาสเตอร์การ์ด และสไตรป์ จนกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน
วีซ่าได้เปิดตัว ‘แพลตฟอร์มสินทรัพย์โทเคนของวีซ่า’ ซึ่งรองรับการออกและบริหาร *สเตเบิลคอยน์* รวมถึงเงินฝากในรูปแบบโทเคน ขณะที่สไตรป์ได้เริ่มทดสอบระบบชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ เพื่อช่วยให้บริษัทนอกสหรัฐและสหภาพยุโรปเข้าถึงดอลลาร์สหรัฐได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนมาสเตอร์การ์ดได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ทั้งลูกค้าและร้านค้าทั่วโลกสามารถชำระเงินและรับเงินผ่าน *สเตเบิลคอยน์*
ข้อมูลจาก CoinGecko ระบุว่า มูลค่ารวมของตลาด *สเตเบิลคอยน์* อยู่ที่ประมาณ 243.1 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 345.2 ล้านล้านวอน โดยมี เทเธอร์(USDT) ครองอันดับหนึ่งที่มูลค่า 148 พันล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย USDC ที่ 62 พันล้านดอลลาร์ และ USDS ที่ 7.6 พันล้านดอลลาร์ ในด้านปริมาณการซื้อขาย เทเธอร์นำมาเป็นอันดับหนึ่งเช่นกันที่ 51 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ USDC อยู่ที่ 11 พันล้านดอลลาร์
การเติบโตของ *สเตเบิลคอยน์* ยังสะท้อนชัดจากปริมาณการซื้อขายรายสัปดาห์ที่แซงหน้าระบบชำระเงินของวีซ่าไปแล้ว นี่เป็นเครื่องยืนยันว่า *สเตเบิลคอยน์* ได้พัฒนาและเติบโตจนสามารถแข่งขันกับเครือข่ายการชำระเงินดั้งเดิมได้
ด้านความคิดเห็นของนักลงทุนอย่าง ชามัธ พาลิฮาปิธิยา คาดการณ์ว่า *สเตเบิลคอยน์* จะเติบโตแบบก้าวกระโดดในปี 2025 โดยเฉพาะในกลุ่มที่อิงกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มจะกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญของระบบการเงินโลกในอนาคต
ความคิดเห็น 0