ตลาด ‘ดิไฟเอไอ(DeFAI)’ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง ดิไฟ(DeFi) และ ปัญญาประดิษฐ์(AI) ร่วงลงเกือบ 80% จากจุดสูงสุดเมื่อต้นปี อย่างไรก็ตาม นักพัฒนาของโครงการดิไฟเอไอยังคงมองในแง่ดี โดยเน้นย้ำว่า ‘การใช้งานจริง’ ของเทคโนโลยีกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสฟื้นตัวในอนาคต
เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ดิไฟเอไอเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในอุตสาหกรรมคริปโต แต่หลังจากตลาด AI ของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว มูลค่าตลาดรวมของดิไฟเอไอลดลงเกือบ 80% นับจากจุดสูงสุดในเดือนมกราคม ไรอัน แม็กนัท ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มดิไฟ AI ‘ออร์บิท(Orbit)’ กล่าวว่า “นักลงทุนบางรายกังวลว่าความต้องการชิป AI และเงินทุนลดลงหลังจาก ‘ดีพซีค(DeepSeek) ช็อก’ แต่ผมมองว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”
ดีพซีค ซึ่งเป็นโมเดล AI จากจีน ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในตลาดบิตคอยน์(BTC) รวมถึงตลาดคริปโต แม็กนัทอธิบายเพิ่มเติมว่า การร่วงลงของหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง เอนวิเดีย(NVDA) ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่กับภาค AI ในวงการคริปโตจนเกิดการเทขายเป็นวงกว้าง
ปัจจุบัน มีโครงการดิไฟเอไอมากกว่า 7,000 รายการ ตัวอย่างที่โดดเด่น ได้แก่ Aixbt(AIXBT), กริฟไลน์(GRIFFAIN), เฮย์ อานอน(ANON) และ ออร์บิท(GRIFT) ซึ่งมูลค่าตลาดรวมของโครงการเหล่านี้อยู่ที่ประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.03 แสนล้านบาท) ลดลงอย่างมากจากระดับ 7 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.015 ล้านล้านบาท) ในช่วงต้นเดือนมกราคม
**AI และ DeFi รวมกัน อาจเป็นกุญแจไขปริศนาความซับซ้อน**
แม็กนัทเชื่อว่า AI จะมีบทบาทสำคัญในการทำให้การใช้งานแพลตฟอร์มดิไฟง่ายขึ้น เขากล่าวว่า “AI สามารถช่วยเชื่อมโยง UX ของแพลตฟอร์มดิไฟที่กระจัดกระจายให้เป็นหนึ่งเดียว และช่วยให้ผู้ใช้ทำธุรกรรมที่ซับซ้อนได้สะดวกขึ้น” นอกจากนี้ AI ยังสามารถช่วย ‘เพิ่มประสิทธิภาพ’ ของกลยุทธ์การเทรดโดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงโอกาสที่ดีที่สุดในตลาด
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีที่พัฒนาไปข้างหน้าย่อมนำมาซึ่งความท้าทายใหม่ โดยเฉพาะความเสี่ยงด้าน ‘การตัดสินใจอัตโนมัติ’ ของ AI ที่อาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง รวมถึงช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเหตุการณ์ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เมื่อ AI ‘เฟรย์ซา(Freysa)’ บนเครือข่ายเบส(Base) ถูกแฮ็กไปกว่า 50,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 7.25 ล้านบาท)
**ดิไฟเอไอภายใต้ความไม่แน่นอนของชื่อเรียก**
นอกจากปัญหาด้านความปลอดภัยแล้ว ‘ชื่อและความหมาย’ ของดิไฟเอไอยังคงเป็นที่ถกเถียงในวงการคริปโต เมเต กุลเทคิน วิศวกรด้านแรงจูงใจโทเคนจาก เวเดอร์ดาว(Vader DAO) กล่าวว่า “ทุกโครงการที่ใช้ AI ในการตัดสินใจลงทุนสามารถจัดอยู่ในหมวดหมู่ดิไฟเอไอได้” แต่ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนกลับไม่เห็นด้วย พร้อมเสนอคำศัพท์ใหม่ เช่น ‘เอไอไฟ(AIFI)’ หรือ ‘ออนเชน เอเจนต์ เทอร์มินอล(OATs)’ แทน
แม็กนัทแสดงวิสัยทัศน์ว่า หากดิไฟสามารถ ‘ทำงานได้อย่างอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ’ โปรโตคอลจะสามารถจัดการเงินทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาการมีส่วนร่วมของนักลงทุนรายย่อย เขากล่าวเสริมว่า “ปัจจุบัน ดิไฟส่วนใหญ่ยังต้องดำเนินการแบบแมนนวล แต่ถ้า AI เข้ามามีบทบาท จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับกลยุทธ์การลงทุนที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ”
แม้ว่าภาคส่วนดิไฟเอไอจะเผชิญกับแนวโน้มขาลงในช่วงที่ผ่านมา แต่หลายฝ่ายยังคงคาดหวังว่าเทคโนโลยี AI จะช่วยพลิกสถานการณ์และขับเคลื่อนการเติบโตอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านเทคนิคและความท้าทายด้านกฎระเบียบยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องแก้ไขหากต้องการเห็นการนำไปใช้งานจริงในวงกว้าง
ความคิดเห็น 0